ประชาพิจารณ์หวยชุดเสียงแตก แต่สนง.สลากฯยันประเดิมงวดแรก16ก.ค.

ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า เป็นครั้งแรกที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เปิดประชาพิจารณ์จากประชาชนทั่วประเทศในรูปแบบครบวงจร เบื้องต้นเป็นการเปิดรับฟังความเห็นทางระบบออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ และจดหมายเปิดผนึก ดังนั้น ในขั้นตอนแรก ของเดือนที่ 1 หรือเดือนเมษายน ของการประชาพิจารณ์ พบว่า 70% ของผู้ให้ความเห็น เห็นด้วยที่จะให้สำนักงานสลากฯจัดทำสลากรวมชุดขึ้นมาเอง โดยเป็นการนำใบเล็กมารวมเป็นชุด หรือให้รวมแบบ 2 ใบ 3 ใบ และ 5 ใบ ทั้งนี้ ผู้ขายสามารถแยกขายออกมาเป็น 2 ใบ หรือ 3 ใบได้ด้วย

สำหรับการเปิดประชาพิจารณ์รอบต่อไปจะเป็นช่วงปลายเดือนพฤษภาคม โดยจะลงพื้นที่สำรวจในภูมิภาคต่างๆ อาทิ ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคใต้ จังหวัดภูเก็ต ภาคกลาง จังหวัดนครสวรรค์ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือจังหวัดเลย เพื่อสรุปข้อมูลเสนอความเห็นแก่คณะกรรมการ(บอร์ด)สลากในเดือนมิถุนายนนี้

หากบอร์ดอนุมัติและให้ดำเนินการคาดว่าจะสามารถออกสลากรวมชุดได้ในงวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 หรืออย่างช้าภายในปลายปีนี้ โดยอาจจะทดลองออกสลากรวมชุดก่อนประมาณ 20% หรือคิดเป็น 20 ล้านฉบับจากทั้งหมดที่ออกขายต่องวด 80 ล้านฉบับมารวมชุดๆละ 5 ใบ เป็นสลากรวมชุด 4 ล้านชุด ซึ่งการขายเป็นใบใหญ่ ผู้ค้าส่วนใหญ่บอกว่าขายยาก มีต้นทุนใบละ 350 บาท แต่หากเป็นใบเล็กจะมีต้นทุนต่อใบ 70.40 บาท และเพิ่มทางเลือกให้ผู้ขายมากขึ้นเมื่อนำใบเล็กมารวมชุด 5 ใบ ผู้ขายยังสามารถแยกขายให้ลูกค้าบางคนที่ต้องการซื้อ 2 ใบ 3 ใบ 4 ใบ หรือจะขายทีละใบก็ได้

“หากสำนักงานสลากฯดำเนินการรวมชุดเองแล้ว ยังพบว่ามีการขายราคาเกินกำหนด สำนักงานสลากฯจะดำเนินการตัดโควต้าสลากตลอดชีวิต และกำลังคิดมาตรการเสริม เช่น อาจกำหนดให้มีสถานที่ขายที่เป็นหลักแหล่งเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ โดยจะขอให้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดด้วย หรืออาจจะมีแอพพลิเคชั่นในการยืนยันการขายสลากชุด คาดว่าภายในเดือนมิถุนายนนี้ จะตกผลึกในเงื่อนไขต่างๆและเผยแพร่ให้สังคมรับทราบต่อไป ”

Advertisement

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า กรณีขายเกินราคานั้นสำนักงานสลากฯมีบทลงโทษตามกฎหมายคือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ซึ่งจากการประเมินของสำนักงานสลากฯ พบว่าประชาชนที่ซื้อสลากราคาปกติ 80 บาทต่อฉบับ ใน 1 ปีจะจ่ายค่าซื้อสลาก 1.53 แสนล้านบาท แต่หากขายราคา 100 บาทต่อฉบับ จะต้องจ่ายเงินซื้อสลากปีละ 1.92 แสนล้านบาท หรือมีส่วนต่างเพิ่มขึ้นที่ต้องจ่ายมากถึง 3.84 หมื่นล้านบาท หากมีการรวมชุดสลากแล้วยังแก้ไขปัญหาการขายเกินราคาไม่ได้ สำนักงานสลากฯอาจออกผลิตภัณพ์อื่นมาเสริมเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ซื้อ เช่น หวยขูด หวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว ที่เคยทำมาแล้วในอดีต ส่วนหวยออนไลน์อาจเป็นมาตรการท้ายๆที่จะนำมาใช้

นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวแสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว มองว่าเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนชื้อหวยมากขึ้น อย่างกรณีการเพิ่มสลากจาก 37 ล้านฉบับต่องวดเป็น 80 ล้านฉบับต่องวยในปัจจุบันเพื่อหวังแก้ปัญหาสลากขายเกินราคา กลายเป็นดึงดูดให้คนซื้อสลากมากขึ้นจาก 19.2 ล้านคน เป็น 21 ล้านคน จึงเห็นว่าสำนักงานสลากฯควรลดแรงจูงใจการซื้อสลากด้วยการทำให้รางวัลที่หนึ่งมีขนาดเล็กลง

นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า แม้จะเห็นด้วยกับการแก้ไขปัญหาการขายสลากเกินราคาด้วยการรวมชุดขายเองของสำนักงานสลากฯ แต่ถือว่ายังไม่ใช่มาตรการแก้ไขปัญหาที่เบ็ดเสร็จ ส่วนตัวเห็นว่ามาตรการที่ควรนำมาใช้คือการนำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหา หรือหวยออนไลน์

นายประสาน น้อมจันทึก ตัวแทนกลุ่มสลาก 5 ภาค ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มผู้ค้าสลาก กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวคิดของสำนักงานสลากฯ เพราะปัจจุบันมีการขายสลากแบบใบเดี่ยวเพียง 30% ที่เหลือเป็นการรวมชุดขายซึ่งมีราคาสูงกว่าปกติ แต่เห็นว่าควรรวมชุดเป็นใบเดียว เช่น รวมชุด 3 ใบ ราคา 240 บาท รวมชุด 5 ใบ ราคา 400 บาท เป็นต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image