ครอบครัวบังเกอร์ ‘ทายาทอินจัน’ ร่วมศึกษาประวัติศาสตร์เมืองแม่กลอง เผยอยากเจอญาติในไทย(คลิป)

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ทายาทของแฝดสยามอินจัน รุ่นที่ 4 และ 5 นำโดย นายแซ็ค โวเร็ล แบล็คมอน จูเนียร์ (Mr. Zack Worrell Blackmon Jr.) ทายาทรุ่นที่ 5 พร้อมคณะ รวม 14 คน เดินทางมาเยี่ยมบ้านเกิดของบรรพบุรุษ ตั้งแต่วันที่ 10 – 12 พ.ค. 2561 เพื่อร่วมงานคืนถิ่นแฝดสยามอินจัน ณ อนุสรณ์สถานแฝดอินจัน ต.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เพื่อรำลึกถึงแฝดสยามอิน-จัน และเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมฉลองครบรอบ 185 ปี ในปี 2561 การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สหรัฐ ซึ่งวันนี้เป็นกิจกรรมวันสุดท้าย ทายาทแฝดอินจัน ได้เดินทางไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์เมืองแม่กลอง ที่วัดบางกุ้ง ต.บางกุ้ง อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม โดยนายพิสิฐ เสือสมิง นายก อบจ.สมุทรสงคราม นำการแสดงฟันดาบมาโชว์ศิลปวัฒนธรรมไทยที่มีความงดงามแต่เข้มแข็ง ซึ่งได้รับความสนใจจากครอบครัวบังเกอร์อย่างมาก บางรายได้ถ่ายคลิปภาพนำไปฝากญาติที่สหรัฐอเมริกาด้วย

จากนั้นได้เดินทางต่อไปเยี่ยมชมวิถีชีวิตริมคลองที่ตลาดน้ำอัมพวา ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองอัมพวาใกล้วัดอัมพวันเจติยาราม จ.สมุทรสงคราม เป็นตลาดน้ำยามเย็นแห่งแรก ด้วยเสน่ห์ของบ้านเรือนสองริมฝั่งที่ยังคงความดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี ทำให้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ทั้งนี้เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนตารางการเดินทาง จึงไม่ได้ไปชมวัตถุโบราณใต้น้ำและวิถีชีวิตชุมชนชาวจีนในจังหวัดสมุทรสงคราม รวมทั้งสวนส้มโอ ก่อนเดินทางกลับ กทม.

อย่างไรก็ตาม นายธรรมนูญ ศรีวรรธนะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสมุทรสงครามได้นำเจ้าหน้าที่ พร้อมฝ่ายปกครองอำเภออัมพวา ตำรวจ สภ.อัมพวา และพยาบาลโรงพยาบาลนภาลัย คอยประจำจุดและอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับทายาทแฝดอินจันด้วย

นายแซ็ค โวเร็ล แบล็คมอน จูเนียร์ ทายาทรุ่นที่ 5 สายของนายอิน กล่าวพร้อมโชว์ภาพในอดีตที่อินและจันถ่ายภาพหมู่กับครอบครัวว่า การที่ตนเดินทางมาเยี่ยมบ้านเกิดของบรรพบุรุษ พบว่าทั้งภาคราชการและประชาชนให้การต้อนรับอย่างดีเยี่ยม มีการวางแผนการทำงานเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง สถานที่ทุกแห่งที่ตนและคณะเดินจากไปจะมีคนต้อนรับตลอด จึงรู้สึกประทับใจมาก นอกจากนี้ยังชื่นชมความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อกษัตริย์ทุกพระองค์

Advertisement

นายแซ็คกล่าวต่อว่า ครอบครัวบังเกอร์อยากจะมาเจอเครือญาติของแฝดอินจันที่จังหวัดสมุทรสงคราม แต่ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องยากเนื่องจากประวัติศาสตร์ตนทราบว่าพี่น้องของอินจันมี 9 คนและเสียชีวิตไปค่อนข้างมาก ดังนั้นตนยังมีความหวังเล็กๆว่าจะมีญาติที่หลงเหลือในปัจจุบัน จึงยังอยากจะเจอญาติกลุ่มดังกล่าว และจะเข้าไปกอดให้แน่นๆนานๆให้สมกับว่าญาติที่จากกันไปนานกลับมาเจอกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตนมีลูกชายเป็นฝาแฝดและก็ยังหวังว่าเมื่อลูกชายที่เป็นแฝดวันหนึ่งก็จะกลับมาประเทศไทย ได้เจอญาติที่หายไปนาน
นายแซ็คกล่าวถึงกรณีความสัมพันธ์ระหว่างจังหวัดสมุทรสงครามกับเมืองเม้าแอร์รี่ว่า สำคัญสิ่งแรกคือการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารตลอดเวลา มีการติดต่อทางด้านธุรกิจผ่านหอการค้า มีการเชื่อมสัมพันธไมตรีถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ซึ่งจะนำเหตการณ์ที่ได้มาสัมผัสบ้านเกิดของบรรพบุรุษอินจัน ไปบอกและสร้างผลกระทบต่อความรู้สึกของญาติๆ บังเกอร์ให้ทราบว่าจังหวัดสมุทรสงครามได้สร้างอะไรและทำอะไรให้กับบรรพบุรุษของครอบครัวบังเกอร์บ้าง ซึ่งจากนี้ไปจะพัฒนากันอย่างแนบแน่นต่อไป

ด้านนายคันฉัตร ตันเสถียร ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามเปิดเผยว่า พอทราบว่าทายาทของแฝดอินจันจะเดินทางมาเยี่ยมบ้านเกิดของบรรพบุรุษ จังหวัดพยายามสืบหาทายาทของแฝดอินจันในประเทศไทย แต่เนื่องจากอินจันเกิดในช่วงรัชกาลที่ 2 ยังไม่มีนามสกุล ซึ่งเพิ่งมีในสมัยรัชกาลที่ 6 การจะตามหาญาติที่ไม่มีนามสกุลซึ่งเกิดมากว่า 200 ปี ซึ่งเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจากฐานข้อมูลของทะเบียนราษฏร์พบนามสกุล “อินกับจันทร์” และ “อินจันทร์” แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นทายาทของแฝดอินจันหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องระมัดระวังและรอบคอบเนื่องจากเกรงว่าจะมีผู้ไม่หวังดีมาแอบอ้างเป็นทายาทแฝดอินจัน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปลอดภัยสุดครอบครัวบังเกอร์ ควรทำเรื่องผ่านกระทรวงการต่างประเทศพร้อมแนบอัตลักษณ์บุคคลของทายาทฝั่งนายอินและฝั่งนายจัน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ มายังกระทรวงมหาดไทยส่งต่อมายังจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อดำเนินการตามหาทายาทของแฝดอินจันในประเทศไทย เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในอนาคต

นายบุญญฤทธิ์ วิเชียรพันธุ์ หัวหน้ากลุ่มงานโครงการตามยุทธศาสตร์ กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศ จัดแสดงภาพและหนังสือพิมพ์เก่าที่มีอายุกว่า 170 ปี เกี่ยวกับชีวิตของแฝดสยามอินจัน และหลักฐานที่ชัดเจนว่าแฝดสยามนับเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและมีสถานภาพที่ดีในสังคมอเมริกันในยุคสมัยที่บุคคลทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยได้รับการอุปการคุณจาก ม.ล.ธีรพันธุ์ ทวีวงศ์ ให้กระทรวงการต่างประเทศขอยืมมาจัดแสดงในกิจกรรม The Faces of Thais in the Relations of the Elephant and the Eagle และงานเลี้ยงอาหารค่ำ วันที่ 12 พ.ค. ณ Nai Lert Park Heritage Home เพื่อนำเสนอพัฒนาการแห่งมิตรภาพระหว่างชาวไทยกับชาวอเมริกันที่ใกล้ชิดและยาวนาน อันเป็นปัจจัยขับเคลื่อนความร่วมมือทวิภาคีระหว่างสองประเทศให้ขยายตัวรอบด้านจนถึงปัจจุบัน และฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ครบรอบ 185 ปี โดยนายธานี ทองภักดี รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเจ้าภาพในงานดังกล่าว โดยมีนายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ อธิบดี กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ ตลอดจนบุคคลสำคัญของไทยและสหรัฐฯ ที่ดำเนินกิจกรรมหรือมีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ จากหลากหลายสาขาอาชีพเข้าร่วม อาทิ ผู้แทนภาคเอกชนไทยที่ลงทุนในสหรัฐฯ เช่น บริษัทไทยซัมมิทโอโตพาร์ท อินดัสตรี ซึ่งผลิตตัวถังรถยนต์ Tesla นายบัณฑิต อึ้งรังษี วาทยกรชาวไทยคนแรกซึ่งได้รับเลือกให้อำนวยเพลงให้กับวงดนตรี New York Philharmonic Orchestra รศ.ดร. คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ ประธานคณะอนุกรรมการบริหารโครงการการประชุมโต๊ะกลมไทย-สหรัฐฯ ด้านการศึกษา พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางจิระนันท์ พิตรปรีชา นักเขียนรางวัลซีไรต์ ปี 2532 นางสาวอัญชลี จงคดีกิจ ศิลปินชั้นนำของไทย และนางวิรดา นิราพาธพงศ์พร นักกอล์ฟอาชีพหญิง เป็นต้น

Advertisement

ทั้งนี้ แขกเกียรติยศในงาน ได้แก่ คณะทายาทของแฝดสยามอิน-จัน จำนวน 14 คน ซึ่งเดินทางมาเข้าร่วมโครงการ “ทายาทแฝดสยามอิน-จันคืนถิ่นบรรพบุรุษ” โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการฉลอง 185 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สหรัฐฯ เนื่องจากแผดสยามอิน-จัน ถือเป็นบุคคลสัญลักษณ์ของการติดต่อระหว่างชาวไทยกับชาวอเมริกันในช่วงต้นยุครัตนโกสินทร์ และเป็นตัวอย่างของชาวไทยในสหรัฐฯ รุ่นแรก ๆ ที่สามารถบรรลุ “ความฝันของอเมริกันชน” (American Dream) โดยสามารถก่อร่างสร้างตัวเป็นเจ้าของธุรกิจการแสดงที่ประสบความสำเร็จภายใน 10 ปีหลังจากเดินทางถึงสหรัฐฯ ปัจจุบัน ทายาทของอิน-จัน ซึ่งมีจำนวนกว่า 1,500 คน ยังคงจัดกิจกรรมรำลึกถึงบรรพบุรุษเป็นประจำทุกปีด้วยความผูกพันและภูมิใจในความเป็นมาของอิน-จัน จึงถือเป็นกลุ่มมิตรของประเทศไทยที่สำคัญซึ่งช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ในภาคประชาชนให้แน่นแฟ้นขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image