นางอินทิรา โภคปุณยารักษ์ ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า(อคส.) เปิดเผยว่า อคส. เตรียมระบายข้าวโพดในสต็อกรัฐปีผลิต 2551/52 ปริมาณ 8 หมื่นตัน จาก 9.5 หมื่นตัน โดยจะประกาศหลักเกณฑ์การระบาย(ทีโออาร์)ปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งการระบายตามมติคณะกรรมการระบายข้าวโพดมอบหมายให้อคส.จะใช้วิธีการเจรจากกับเจ้าของคลังทั้ง 11 รายให้มีการรับซื้อ หากมีส่วนต่างก็ให้จ่ายชดเชยตามเงื่อนไข ส่วนที่เหลือ 1.4 หมื่นตันอยู่ระหว่างดำเนินคดี นอกจากนี้ ได้เห็นชอบให้อคส.ระบายมันเส้นสต็อกรัฐปีผลิต 2551-56 ปริมาณ 1.7 แสนตัน โดยกำหนดประกาศทีโออาร์ในเดือนมิถุนายน โดยใช้วิธีการเจรจาให้เจ้าของคลังรับซื้อและชดเชยส่วนต่าง ทั้งนี้ หากสามารถระบายสินค้า 2 ชนิดได้หมด จะช่วยประหยัดค่าเก็บรักษาเดือนละ 12 ล้านบาท
สำหรับการตรวจสอบ 2 บริษัทในจ.ราชบุรีที่ชนะการประมูลข้าวสารรัฐ ครั้งที่ 1/2560 และมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจกระทำผิดสัญญา นั้น พบว่าไม่มีพิรุจ อีกทั้งการขนย้ายและนำข้าวสารไปใช้ไม่ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งทั้ง2 บริษัทนำไปผลิตอาหารสัตว์วันละ 2,000 ตัน และมีข้าวเพื่อรอขนย้ายเหลือ 2 แสนตัน ภายในเดือนกรกฎาคมนี้
นางอินทิรา กล่าวถึงผลประกอบการอคส.ว่า ในปี 2561 คาดว่าจะสร้างกำไรได้ 30 ล้านบาท จากการขยายช่องทางการจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงกับค้าปลีกและร้านค้าประชารัฐ รวมถึงขายตรงให้กับหน่วยงานราชการด้วยกัน และลดค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ รวมถึงลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสินค้าคงค้าง รวมถึงสะสางคดีต่างๆ เพื่อลดภาระหนี้ พร้อมกันนี้ อสคส.ได้เสนอแผนใช้ประโนชย์จากที่ดินคลังสินค้าในย่านธนบุรี พื้นที่ 19 ไร่ เพื่อให้เอกชนประมูลพัฒนาเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและศูนย์เรียนรู้ และผลการศึกษาพบว่าจะช่วยสร้างรายได้ให้อคส.ปีละ 700 ล้านบาท โดยขณะนี้ขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และหารือกระทรวงการคลัง หากได้รับความเห็นชอบก็จะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไป เพื่อดำเนินการในปี 2562 ก็จะเริ่มเห็นรายได้เข้าอคส.ปลายปี 2562 หรือต้นปี 2563
