เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม นพ.เหวง โตจิรากานต กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แจ้งความดำเนินคดีกับ 8 แกนนำพรรคเพื่อไทยใน 4 ข้อหา โดยระบุว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. มั่วสุมทางการเมือง ว่าก่อนที่แกนนำพรรคเพื่อไทยจะแถลงข่าวเกี่ยวกับผลงาน 4 ปีของรัฐบาล ทางตำรวจได้ไปพูดคุยทำความเข้าใจ ซึ่งแกนนำพรรคเข้าใจและเปลี่ยนรูปแบบการจัดแถลง โดยให้มีผู้แถลงเพียง 3 คน แสดงให้เห็นว่า ยอมถอยและผ่อนปรนตามคำเรียกร้องของตำรวจ จึงสงสัยว่าเหตุใด คสช.ไม่ยอมผ่อนปรน กลับตั้งข้อหากับแกนนำ ถามว่าในขณะที่แถลงข่าวเพียงแกนนำแค่ 3 คน ซึ่งไม่ตรงกับที่กล่าวหาว่าเป็นการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน และเนื้อหาของการแถลงไม่ได้เข้าข่ายชุมนุมทางการเมือง แต่จะสรุปว่าเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ผลงานของ คสช. มีอะไรบ้าง
นพ.เหวงกล่าวว่า คสช.ตีความว่าการแถลงข่าวเป็นการชุมนุมทางการเมือง ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเป็นการสรุปผลงาน ซึ่งตามข้อเท็จจริงจะเห็นได้ว่าการดำเนินการของพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง เพราะการชุมนุมทางการเมือง ต้องมีเป้าประสงค์ทางการเมือง จึงไม่เข้าข้อกล่าวหาของ คสช. หากคิดตามหลักการนี้พรรคเพื่อไทยมีสิทธิที่จะฟ้องร้องกลับ คสช.ตั้งข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นจริงและเกินจากความเป็นจริง หรือจะพิจารณาได้ว่าเป็นการฟ้องเท็จ อาจเข้าข่ายปฏบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่มีแกนนำบางคนที่ถูกตั้งข้อหา มีข้อสังเกตว่าในวันที่ทั้ง 8 แกนนำของพรรคเดินทางไปที่กองปราบฯอาจไม่ได้รับการปล่อยตัว แต่จะนำตัวส่งฟ้องเพื่อฝากขังเช่นเดียวกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง นพ.เหวงกล่าวว่า หากมีการกระทำเช่นนั้นก็จะเป็นการพิสูจน์ คสช.ว่ามีความจริงใจและเชื่อในกระบวนการยุติธรรมตามที่ระบุมาก่อนหน้านี้ หรือใช้กฎหมายในการกลั่นแกล้งคน เพราะถ้าจริงใจต่อหลักการและกระบวนการยุติธรรม กรณีนี้ควรได้รับการประกันตัว ไม่ใช่ส่งฟ้องและนำเข้าห้องขัง อย่างไรก็ตาม การกระทำทุกอย่างจะปรากฏต่อสาธารณะโดยประชาชนจะเป็นคนตัดสินเอง หาก คสช.ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์และเคารพความยุติธรรม ประชาชนก็จะให้คะแนนแต่ถ้าทำลายความยุติธรรมทำให้เกิดสองมาตรฐานทำให้เกิดการจงเกลียดจงชังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ประชาชนเขารับรู้และจะให้คะแนนลบกับ คสช. และจะพิสูจน์ว่า 4 ปีที่ผ่านมา คสช.และรัฐบาลให้ความยุติธรรมกับประชาชนจริงอย่างที่พูดหรือไม่
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเตรียมตัดแขนขาเพื่อนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทยในอนาคตหรือไม่ แกนนำ นปช.กล่าวว่า การทำอย่างนี้เรียกว่าอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ซึ่งตนคิดว่า คสช.คงประเมินแล้วว่าความนิยมของพรรคเพื่อไทยยังอยู่ และหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นพรรคเพื่อไทยจะชนะแน่นอน จึงต้องหาวิธีลิดรอนกิ่งก้านสาขา หรือตัดรากถอนโคนได้ยิ่งดี จึงกังวลว่าเรื่องนี้อาจเป็นสาเหตุต่อเนื่องยาวไปถึงขั้นการยุบพรรคได้ และอาจจะยุบในช่วงที่ใกล้จะมีการเลือกตั้ง เพื่อให้พรรคเพื่อไทยปรับตัวแก้ไขสถานการณ์ได้ไม่ทัน
