เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นภาคเช้าเคลื่อนไหวในแดนบวก ปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1,764.75 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 10.58 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.60% ด้วยมูลการซื้อขาย 23,571.18 ล้านบาท
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นภาคเช้าเคลื่อนไหวในแดนบวก เนื่องจากตัวเลขจีดีพีขยายตัว 4.8% สูงกว่าที่ตลาดและบล.กสิกรคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 4.2% ประกอบกับสถานการณ์การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้จะต้องติดตามศาลรัฐธรรมนูญตีความพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ ซึ่งจะมีผลกับการเลือกตั้ง
“คาดว่าในสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นจากปัจจัยการขยายตัวของจีดีพีไตรมาส 1/2561 ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดี และสถานการณ์ทางการเมืองที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการตีความพ.ร.ป.ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอย่างสถานการณ์เจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนก็คลี่คลายขึ้น เพราะฉะนั้นจึงคาดว่าในวันนี้ดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,750-1,770 จุด และแนะนำหุ้นเด่นไว้ 3 ตัว ได้แก่ ADVANC, STEC และ LH” นายประกิตกล่าว
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้มีความผันผวนสูง จึงแนะนำให้ถือเงินสดเพิ่มขึ้น หรือเข้าซื้อเก็งกำไรช่วงสั้นในหุ้นที่มีข่าวสนับสนุน โดยมองกรอบความเคลื่อนไหว 1,720-1,780 จุด ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์ ได้แก่ การรายงานของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เอฟโอเอ็มซี) เรื่องประมาณการเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ที่จะมีผลกับคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) สหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้น ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทย ส่วนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก มีปัจจัยสนับสนุนจากกำลังการผลิตในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางลดลง เป็นผลบวกกับหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี
