นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (บอร์ด กสทช.) มีมติให้ สำนักงาน กสทช. ดำเนินการประกวดราคาโครงการจัดให้มีบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) จำนวน 15,732 หมู่บ้าน ไปพลางก่อน โดยหากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ดำเนินการจัดให้มีบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงเพิ่มเติมในพื้นที่ Zone C แทนสำนักงาน กสทช. สำนักงาน กสทช.จะขอยกเลิกการประกวดราคาดังกล่าวต่อไป
นายฐากรกล่าวว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้ สำนักงาน กสทช. ใช้ขอบเขตของงาน (Term of Reference) โครงการจัดให้มีบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) ตามรูปแบบที่ 3 คือจัดให้มีบริการครบทั้ง 5 บริการ ได้แก่ 1.Wi-Fi สาธารณะประจำหมู่บ้าน 15,732 จุด 2.บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ณ โรงเรียน จำนวน 3,170 แห่ง 3.บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) จำนวน 91 แห่ง 4.ศูนย์บริการอินเตอร์เน็ตสาธารณะ (USO Net) จำนวน 228 แห่ง และ 5.ห้องบริการอินเตอร์เน็ตประจำโรงเรียน (USO Wrap) 1,623 ห้อง โดยจะเป็นการให้บริการต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 5 ปี ภายในวงเงินรวม 18,394.93 ล้านบาท
“กสทช. มีความกังวล ว่า การรอมติ ครม. และชะลอแผนการประกวดราคา อาจทำให้การขยายโครงข่ายทั่วประเทศตามนโยบายรัฐบาลไม่แล้วเสร็จตามกำหนดภายในเดือนธันวาคม 2561 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานให้ไม่เป็นไปตามแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560-2564) ที่ได้ประกาศและมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2560 อีกทั้งยังส่งกระทบต่อค่าธรรมเนียม USO ที่ได้จัดเก็บมาจากผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมทุกรายแล้ว แต่ไม่ได้นำออกไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อภาคโทรคมนาคมของประเทศไทย” นายฐากรกล่าว
