อุตฯยานยนต์และชิ้นส่วน จี้พณ.แก้ปมเวียดนาม-สหรัฐฯใช้มาตรการกีดกัน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือกับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการค้าต่างประเทศ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ ว่า เป็นการหารือเพื่อแก้ปัญหา 2 เรื่อง ได้แก่ เร่งมาตรการกดดันเวียดนามให้ยกเลิกการกีดกันการนำเข้ารถยนต์ ที่เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2561 กำหนดให้รถยนต์นำเข้าทุกรุ่น ทุกแบบ และทุกครั้งที่ส่งเข้าเวียดนามจะต้องตรวจสอบมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยกับห้องทดสอบของรัฐบาลเวียดนาม ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวในประเทศ ทำให้ไม่สามารถรองรับการทดสอบรถยนต์ทั้งหมดได้ในเวลาอันรวดเร็ว ส่งผลให้การส่งรถยนต์ไปเวียดนามต้องใช้เวลานานกว่าเดิมมากผู้ส่งออกรถยนต์จากไทยหลายรายจึงชะลอการส่งออกไปเวียดนาม โดย 5 เดือนแรกปี 2561 เพิ่งส่งออกเพียง 10% ของเป้า 65,000 คัน โดยนำการจัดทำความตกลงยอมรับร่วม (MRA) มาตรฐานยานยนต์ไทยเวียดนาม เพื่อแก้ปัญหาเรื่องการขอเอกสารรับรองจากหน่วยงานรัฐ และแก้ปัญหาการเสียเวลาและค่าใช้จ่ายที่หน่วยงานทั้งสองฝ่ายตรวจซ้ำในเรื่องเดียวกัน พร้อมกับยกปัญหาอุปสรรคนี้ขึ้นหารือในทุกเวทีการค้าระหว่างประเทศ ทั้ง JTC อาเซียน และ WTO เพื่อกดดันเวียดนามอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น โดยจะเสนอผู้บริหารระดับสูงต่อไป

สำหรับเรื่องที่ 2 กรณีสหรัฐฯริเริ่มไต่สวนสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนนำเข้าจากต่างประเทศ ตามมาตรา 232  กฎหมาย Trade Expansion Act ปี 1962 โดยให้เหตุผลว่าสินค้านำเข้าคุกคามให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ นั้น คาดว่ากระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ อาจใช้เวลา 270 วันหรือ 9 เดือนในการศึกษาผลกระทบ ก่อนเสนอประธานาธิบดีสหรัฐฯ พิจารณาตัดสินใจเรื่องการขึ้นภาษียานยนต์และชิ้นส่วนนำเข้ากับประเทศใดบ้าง และมีเวลาที่ประธานาธิบดีจะตัดสินใจอีก 90 วัน  ซึ่งเป็นการใช้มาตรการแนวทางเดียวกับสินค้าเหล็กและอลูมิเนียม  ที่ภาครัฐของไทยอยู่ระหว่างหารือกับฝ่ายสหรัฐฯ เพื่อขอยกเว้นการขึ้นภาษีรายประเทศ โดยขณะนี้ภาคเอกชนไทยต้องหารือกับคู่ค้าหรือผู้นำเข้าสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ยื่นเรื่องต่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ขอยกเว้นภาษีนำเข้าเป็นรายสินค้า ดังนั้น ในการประชุมหารือกับภาคเอกชนครั้งนี้จึงเป็นการเตรียมการรับมือต่อการใช้มาตรการของสหรัฐฯ

“ ไทยจะยกเหตุผลประกอบข้อมูลให้สหรัฐพิจารณาว่าการนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้จากไทยไม่กระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐ  และไทยการส่งออกสินค้าในกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนไปสหรัฐเพียง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากมูลค่าที่สหรัฐฯนำเข้าปีละกว่า 290,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรืออันดับ 18 ของที่สหรัฐฯนำเข้า ขณะที่ภาคเอกชนไทยจะต้องหารือกับผู้นำเข้าสหรัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อยื่นเรื่องต่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ขอยกเว้นภาษีนำเข้าเป็นรายสินค้า ซึ่งยืนยันกระทรวงไม่ได้นิ่งนอนใจ  “

Advertisement

นายปริญญา เขตคาม อุปนายกฝ่ายเศรษฐกิจ สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ กล่าวว่า ตอนนี้เอกชนกังวลเรื่องมาตรการเวียดนามออกระเบียบควบคุมการนำเข้ารถยนต์มาก เพราะได้รับผลกระทบแล้ว จากช่วง 5 เดือนแรกไทยส่งออกได้เพียง 4,590 คัน จากเป้าหมายส่งไปเวียดนามทั้งปี 65,000 คัน ซึ่งส่งออกลดลงทำให้กระทบกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ด้วย รวมถึงกังวลหากสหรัฐประกาศใช้มาตรา 232 ในกลุ่มสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วน เก็บภาษีนำเข้า 25%  จะส่งผลกระทบต่อผู้นำเข้าของสหรัฐมีต้นทุนสูงขึ้นทันที และหากการเจรจาไม่สำเร็จ ในระยะต่อไปผู้นำเข้าของสหรัฐอาจหันไปนำเข้าชิ้นส่วนจากประเทศอื่นแทนที่ต้นทุนต่ำกว่าแทน  จึงขอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนของไทย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image