ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดแถลงข่าวด่วนไม่มีเอกชนยื่นประมูลคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์
นายฐากร กล่าวว่า วันนี้ไม่มีเอกชนรายใดมายื่นเอกสารคำขอเพื่อเข้าร่วมการประมูลคลื่นย่านความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ กสทช.เลยจำเป็นต้องยกเลิกการประมูลคลื่นในวันที่ 4 สิงหาคม 2561 ออกไปก่อนโดยไม่กำหนด ซึ่งหลังจากนี้กสทช.จะรวบรวมปัญหาและอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับการประมูลจนทำให้ไม่มีใครร่วมประมูลเลย เพื่อจะนำเสนอต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) กสทช. ที่จะมีการประชุมในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ จากนั้นจะรายงานต่อรัฐบาลต่อไป
“อยากให้มีการสรุปผลโดยเร็วที่สุดภายในเดือนนี้ หรือไม่เกินวันที่ 10 กรกฎาคม” นายฐากรกล่าวและว่าส่วนมาตรการเยียวยาต่างๆ ก็ขอให้ติดตามต่อไป แต่ยืนยันว่ารอบนี้กสทช.จัดประมูลคลื่นทันก่อนที่จะหมดสัญญาสัมปทาน แต่เอกชนไม่สนใจเอง ซึ่งก็จะเอาปัญหาที่เกิดขึ้นไปรายงานเพื่อให้รัฐบาลตัดสินใจว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร แต่สำหรับกสทช.แล้วอยากให้มีการประมูลเพราะเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชน
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ส่งหนังสือแจ้งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทขอเรียนให้ทราบว่าได้ตัดสินใจไม่เข้าร่วมประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์ ตามที่ประกาศโดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทั้งนี้ บริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่าหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการประมูลครั้งนี้ยังไม่เหมาะสมต่อการลงทุนหรือก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบริษัทในขณะนี้ โดยบริษัทจะยังคงการลงทุนในโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านคุณภาพโครงข่ายและสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
และได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่า ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนคลื่นความถี่มากถึง 55 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งมากเพียงพอสำหรับการดำเนินการที่จะส่งมอบบริการให้กับลูกค้า โดยปัจจุบันเอไอเอส มีทั้งคลื่นความถี่ย่าน 2100 เมกะเฮิรตซ์ คลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ และคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ที่บริษัทประมูลมาได้ รวมทั้งมีคลื่นความถี่ 2100 เมกะเฮิรตซ์ จากบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ที่ได้มีการลงนามสัญญา ร่วมกันกับบริษัทแล้ว ดังนั้นจากคลื่นความถี่ทั้งหมดที่เรามีอยู่จึงเพียงพอต่อการรองรับลูกค้าในการใช้บริการทั้งวอยซ์ และดาต้า ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะติดตามสถานการณ์และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการประมูลที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต รวมถึงอาจพิจารณาทบทวนผลกระทบและการตัดสินใจเกี่ยวกับการประมูลที่เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่อไป
