สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมา(19 เม.ย.) ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังราคาน้ำมันดิบพุ่งกลับมายืนราคาเหนือระดับ 41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นด้วย รวมถึงผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัทรายใหญ่ในสหรัฐก็ช่วยหนุนให้ตลาดปรับเพิ่มขึ้นด้วย
หลังปิดตลาด ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดที่ระดับ 18,053.60 จุด บวก 49.44 จุด หรือ +0.27% ดัชนี แนสแดค ปิดที่ระดับ 4,940.33 จุด ลบ19.69 จุด หรือ -0.40% และดัชนี เอสแอนด์พี500 ปิดที่ระดับ 2,100.80 จุด บวก 6.46 จุด หรือ +0.31%
ด้านราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาดล่วงหน้านิวยอร์ก กลับมายืนราคาเหนือกว่า40ดอลลาร์/บาร์เรลอีกครั้ง ล่าสุดราคาส่งมอบเดือนพ.ค.ปรับเพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดตลาดที่ระดับ 41.08 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่า คนงานในอุตสาหกรรมน้ำมันของคูเวต ซึ่งเป็นสมาชิกรายใหญ่ของโอเปค ยังคงประท้วงหยุดงาน เพื่อคัดค้านแผนการลดเงินเดือน ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ไปปิดตลาดที่ระดับ 44.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่ราคาทองคำที่ตลาดล่วงหน้านิวยอร์ก( COMEX)ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับเพิ่มขึ้นแรงถึง 19.30 ดอลลาร์ หรือ 1.56% ปิดตลาดที่ระดับ 1,254.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐ กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำ
