เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 25 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรโดยตรงในราคากิโลกรัมละ 45 บาท ถือว่าดำเนินการไปได้ดีหรือไม่ ว่า เท่าที่ฟังวันนี้ถือว่าไปได้ดี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตนไปเปิดงาน “วันยางพาราและกาชาดบึงกาฬ ระหว่างวันที่ 21-27 มกราคมนี้ ที่จ.บึงกาฬ รู้สึกชอบใจโมเดลของการจัดงานที่นั่นเพราะเป็นประชารัฐ คือรัฐกับราษฎร์มาจับมือร่วมงานกัน มีบริษัท อบจ.ประชาคมและสหกรณ์ต่างๆ มาร่วมงานโดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชิญเอกชนจากจีน ทางเอกอัครราชทูตมาเลเซีย และลาวเดินทางมาดูงาน เขามาร่วมกันทำงานว่าจะทำอย่างไรที่จะรับซื้อยางแล้วนำไประบายโดยการแปรรูป ซึ่งมีการคิดผลิตออกมาเป็นสองแบบ คือ กรวยจราจรยาง ใช้น้ำยาง 2 กิโลกรัมต่ออัน ขายอันละ 300 บาท โดยอบจ.จับมือกับสหกรณ์ ในการรับซื้อน้ำยาง และหมอนยางอัดลม ใช้น้ำยาง 5 กิโลกรัมต่อใบ และขายราคาถูก ถ้าทำขาย 1 แสนใบคงใช้น้ำยางจำนวนมากและคงหมดประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้ตนสนับสนุน
นายวิษณุยังกล่าวด้วยว่า จ.บึงกาฬ ถือเป็นแบบอย่างที่ไม่ต้องพึ่งรัฐบาลมากนัก เพราะทำได้เอง และที่ชอบใจมากแม้เป็นคนปักษ์ใต้แต่ไม่เคยเห็น คือเครื่องกรีดยาง ซึ่งผลิตจากประเทศจีน ราคา 800 หยวน หรือประมาณ 4,000 บาท ลักษณะคล้ายปลอกคอสวมไปที่ต้นยาง ตั้งความลึกในการกรีดแล้วใช้รีโมตกดให้กรีดยางได้พร้อมกัน 500 ต้น โดยไม่ต้องใช้คนกรีด ไม่ต้องกลัวถูกงูกัด ซึ่งทางใต้นำไปใช้ในภาคอีสานแล้ว เพื่อทุ่นแรงและประหยัดเวลา และขณะนี้กำลังเจรจาให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ผลิตออกมาจำหน่าย ราคาประมาณ 500 บาท ซึ่งทางประเทศจีนได้ให้ลิขสิทธิ์ในการผลิตกับเรา ซึ่งประชารัฐแบบนี้การทำงานจึงจะได้ผล และไม่ต้องห่วงว่าจะถูกขโมย เพราะต้องเป็นคนที่ถอดเป็น เมื่อถอดเครื่องไปแล้วจะเสียเลย อย่างไรก็ตามผมได้ชี้แจงไปว่าอย่าทิ้งยางแล้วไปปลูกอย่างอื่น เพราะในที่สุดวันหนึ่งที่โลกต้องการยาง เราจะได้มียางในการส่งขาย แต่วันนี้อาจต้องโค่นบางส่วนที่แก่และปลูกพืชอื่นเสริมในช่วงเวลานี้บ้าง”
