มนุษย์บางคนมีศักยภาพมากพอในเรื่องหนึ่ง แต่ไปไม่ถึงฝั่งฝันเพราะขาดโอกาส หลายคนกลับทิ้งโอกาส และอีกจำนวนมากไม่ขวนขวายมันมา
แต่ ยุสร่า มาร์ดินี่ กลับไม่ได้รวมอยู่ในคำนิยามเหล่านี้เลย
ไม่กี่เดือนที่แล้ว สองพี่น้องมาร์ดินี่หาทางอพยพจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย ที่มีสงครามติดต่อมาเป็นระยะเวลายาวนาน เพื่อไปหาชีวิตที่ดีกว่า ยุสร่ากับพี่สาว ซาร่าห์ วางแผนที่จะไปยังกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ต่อไปยังนครอิสตันบูล ก่อนจะเข้าเมืองอิสเมียร์ที่ตุรกี ข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปที่เกาะเลสโบของประเทศกรีซ
แต่ทว่าการเดินทางไปสู่ชีวิตใหม่ครั้งนี้ไม่ง่ายอย่างที่ใจหวัง เพราะเรือที่กำลังพาสองพี่น้องและผู้อพยพอีก 20 คน เกิดดับกลางทาง และเรือลำนั้นจริงๆ แล้วสามารถรับน้ำหนักผู้โดยสารได้เพียง 6-7 คนเท่านั้น
หลายชีวิตพยายามว่ายน้ำพาตัวเองเข้าสู่ฝั่ง เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมงครึ่ง มาร์ดินี่ทั้งพี่และน้องขึ้นฝั่งที่จุดหมายปลายทางที่วางไว้
“ฉันคิดว่าถ้าฉันจมน้ำคงเป็นเรื่องที่น่าอายมาก ทำไมน่ะเหรอ เพราะฉันเป็นนักว่ายน้ำไง”
จากเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้เธอกำลังจะไปว่ายน้ำที่รีโอเดจาเนโร สังเวียนการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2016 ในฐานะนักว่ายน้ำของ ทีมผู้อพยพ
คณะกรรมการโอลิมปิกสากล(ไอโอซี) ได้มีนโยบายให้มีทีมผู้อพยพเข้าร่วมแข่งขันในโอลิมปิกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เพื่อเปิดโอกาสให้นักกีฬาที่ดีพอ แต่บ้านเกิดมีปัญหาจนต้องอพยพไปใช้ชีวิตที่อื่น ได้มีโอกาสในการมีส่วนร่วมในกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ
สิงหาคมปีที่แล้ว มาร์ดินี่ยังคงพยายามหาทางออกจากบ้านเกิดที่ลุกเป็นไฟ แต่สิงหาคมปีนี้ เธอกำลังจะไปแข่งขันโอลิมปิก
“ฉันอยากให้ผู้อพยพทุกคนภูมิใจในตัวฉัน เพราะฉันก็ต้องให้กำลังใจพวกเขาเช่นกัน” นักว่ายน้ำวัย 18 ปีกล่าว
สองพี่น้องมาร์ดินี่มาถึงกรุงเบอร์ลินของเยอรมนี เมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว และด้วยความช่วยเหลือของล่ามชาวอียิปต์ในอพาร์ทเม้นท์ของพวกเธอ ทำให้สองพี่น้องได้มีโอกาสได้ซ้อมกับสโมสรว่ายน้ำ วาสเซอร์ฟรอนด์ สแปนเดา 04 หนึ่งในสโมสรเก่าแก่ของกรุงเบอร์ลิน
(โทมัส บาค)
โทมัส บาค ประธานไอโอซีบอกว่า เดิมทีตนคิดว่าทีมนักกีฬาอพยพในโอลิมปิกจะเป็นทีมเล็กๆ แต่หลังจากเห็นศักยภาพของนักกีฬาที่บ้านเกิดมีสงครามแล้ว หลายคนดีพอจะร่วมแข่งขันโอลิมปิกได้ ไอโอซีจึงได้ช่วยเหลือพวกเขา โดยเฉพาะการหยิบยื่นโอกาสอันล้ำค่าในการร่วมแข่งขันที่รีโอเดจาเนโร
“นักกีฬาทีมอพยพ 43 คน จะแข่งขันภายใต้ธงสัญลักษณ์โอลิมปิกเกมส์ มีสิทธิมีเสียงเหมือนนักกีฬาชาติอื่นๆ มีเพลงของไอโอซีเป็นเพลงประจำทีม และจะร่วมเดินขบวนในพิธีเปิดที่สนามมาราคาน่า ในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ด้วย” ประธานไอโอซีกล่าว
หลายคนอาจจะมองว่านักกีฬา 43 คนในทีมผู้อพยพได้รับโอกาสเพราะความน่าสงสาร แต่ตรงกันข้าม หลายคนมีฝีมือเจ๋งพอจะผ่านรอบคัดเลือกได้ถ้าบ้านเกิดไม่ได้อยู่ในช่วงวิกฤติ
สเวน สเปนเนเกรบส์ โค้ชของสโมสรวาสเซอร์ฟรอนด์ สแปนเดา 04 ต้นสังกัดของมาร์ดินี่บอกว่า นักว่ายน้ำสาวซีเรียมีพัฒนาการที่เยี่ยมยอดมากในการซ้อมกับสโมสรมา 5 เดือน เดิมทีทีมโค้ชมองว่าเธอน่าจะพัฒนาตัวเองและไปลุ้นทำเวลาผ่านควอลิฟายในโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นได้ แต่ความสามารถของเธอเดินหน้าเร็วกว่าที่พวกเขาคาดเอาไว้
ทุกวันนี้มาร์ดินี่ได้ลงซ้อมในสระมาตรฐานโอลิมปิกใกล้โรงเรียนของเธอเอง วันละสองรอบ รอบละ 2-3 ชั่วโมง ในช่วงที่ยังอยู่ในซีเรีย มาร์ดินี่ก็ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการโอลิมปิกซีเรียเช่นกัน จนมีประเด็นว่า จะเป็นอย่างไรถ้าโอลิมปิกซีเรียมาโน้มน้าวเธอให้แข่งขันในนามบ้านเกิดแทนที่จะเป็นทีมผู้อพยพ เพราะนั่นคือแผนโฆษณาชวนเชื่อหนึ่งของ บาชาร์ อัล-อัซซาด ประธานาธิบดีซีเรียคนปัจจุบัน
เปเร่ มิโร่ รองผู้อำนวยการฝ่ายความสัมพันธ์ของกระบวนการโอลิมปิก ในไอโอซี เปิดเผยว่า ไอโอซีได้สอบถามไปยังโอลิมปิกซีเรียว่าจะมีข้อขัดข้องหรือไม่ ถ้ามาร์ดินี่จะแข่งขันในนามทีมนักกีฬาอพยพ และได้คำตอบว่าไม่มีปัญหา แต่ซีเรียก็ยังติดตามผลงานของมาร์ดินี่อยู่ตลอด
สำหรับนักว่ายน้ำสาววัย 18 เอง ตอบในประเด็นนี้ว่า
“แน่นอนว่าฉันคิดถึงบ้านเกิด คิดถึงเตียงอุ่นๆ ที่บ้าน แต่ฉันจะสร้างชีวิตของฉันที่เยอรมนี แล้ววันหนึ่งที่ฉันแก่ตัวลง ฉันจะกลับไปสอนคนที่ซีเรียด้วยประสบการณ์ที่พบเจอมา และอยากให้ผู้อพยพทุกคนภูมิใจกับฉัน เพราะฉันจะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าถึงแม้ว่าเราจะต้องเผชิญกับการเดินทางที่ลำบากแสนสาหัส แต่เราก็สามารถประสบความสำเร็จได้”
ถึงวันนี้มาร์ดินี่และนักกีฬาทีมอพยพรวม 43 ชีวิตจะไม่ได้ต่อสู้เพื่อบ้านเกิดของตัวเอง แต่สิ่งที่พวกเขาและเธอกำลังจะแสดงให้ชาวโลกได้เห็น คือ แม้จะไม่มีบ้าน แต่ทุกคนยังมีความฝัน และสิ่งที่ต้องทำในวันนี้ คงหนีไม่พ้นการทำฝันให้เป็นจริง เพื่อวันหนึ่งจะได้ถือเกียรติยศกลับสู่บ้านเกิดอีกครั้ง