ตามที่สมาคมศิษย์เก่าคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ร่วมกับบริษัท มาสเตอร์พีซ ออร์แกไนเซอร์ จำกัด ได้ออกมาแถลงข่าวแฉไฮโซสังคมชั้นสูงระดับ ม.ล. และมีชื่ออักษรย่อ อ. โกงเงินคอนเสิร์ตการกุศล 48 ปี คณะทันตแพทยศาสตร์ มม. “สร้างรอยยิ้มเพื่อผู้ยากไร้และด้อยโอกาส” ประมาณ 2.5-2.8 ล้านบาทเข้ากระเป๋าตัวเอง ซึ่งทั้งสมาคมและบริษัทมาสเตอร์พีซฯได้แจ้งความลงบันทึกประจำวัน เพื่อเดินหน้าฟ้องศาล ม.ล.อักษรย่อ อ. ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการผลิตและคณะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์งานคอนเสิร์ตดังกล่าว ในข้อหาฉ้อโกงนั้น
ล่าสุดเวลา 13.30 น. วันที่ 4 สิงหาคม ที่อาคารพิพิธภัณฑ์สิรินธรทันตพิพิธ ชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ถนนโยธี กรุงเทพฯ มีการจัดแถลงข่าวอีกครั้งเพื่อชี้แจงความคืบหน้าในการดำเนินคดีผู้ร่วมขบวนการทั้ง 3 คน พร้อมทั้งเปิดเผยชื่อ “ม.ล.” คนนี้มีชื่อเล่นว่า “หญิง” อีกทั้งยังได้นำหลักฐานทั้งคลิปเสียงที่พูดคุยกัน และสลิปการโอนเงินค่าการจัดงานให้ ม.ล.คนดังกล่าว ทั้งหมด 7 สลิป โดย 6 สลิปเป็นค่าจัดคอนเสิร์ต และอีก 1 สลิปเป็นค่าการจัดงานแถลงข่าว มาเปิดเผยต่อหน้าสื่อมวลชนหลายแขนงที่มาทำข่าวคับคั่ง
ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.นิติพันธ์ จีระแพทย์ นายกสมาคมศิษย์เก่าทันตฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการการจัดคอนเสิร์ตการกุศล กล่าวว่า ที่ผ่านมาสมาคมพยายามนัดคุณหญิงหรือผู้ควบคุมการผลิตมาชี้แจงหลายครั้ง เชิญมาวันที่ 13 กรกฎาคม ก็ขอเลื่อน เชิญมาชี้แจงวันที่ 21 กรกฎาคม พอใกล้วันก็ขอเลื่อนและยกเลิกในที่สุด จากนั้นก็ไม่ติดต่อกันอีกเลย ส่วนที่ออกมาอ้างว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดนั้น ตนงงว่าเข้าใจผิดอะไร เพราะมีหลักฐานการจ่ายเงินเข้าบัญชีเขาจริง อย่างไรก็ตาม ในส่วนเจ้าหน้าที่คณะที่ไปเกี่ยวข้องนั้นได้ตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว เริ่มสอบตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้ ได้ผลอย่างไรจะแจ้งให้ทราบ
ทพ.ประดิษฐ์ เจษฎาไกรสร เลขาธิการสมาคมศิษย์เก่าคณะทันตแพทยศาสตร์ กล่าวว่า ในส่วนค่าใช้จ่ายนักร้องและวงดนตรี ตนได้ส่งเอกสารสอบถามจากบริษัทต้นสังกัดนักร้องคือ เอ็กแซ็กท์หรือซีเนริโอ พบค่าใช้จ่ายจริงมีเพียง 425,000 บาท จากยอดเบิกจ่ายตอนแรก 1.5 ล้านบาท ซึ่งเอ็กแซ็กท์จะส่งเป็นเอกสารค่าใช้จ่ายอย่างเป็นทางการมาเร็วๆ นี้ และเราจะนำเอกสารนี้เป็นหลักฐานการยื่นฟ้องต่อไป อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้ต้องการได้เงิน 2.6 ล้านคืน แต่อยากให้เขามาชี้แจงว่าได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเราคิดว่างานคอนเสิร์ตนี้เป็นงานการกุศล เราไม่คิดว่าคนที่ได้รับการแนะนำว่าเป็นคนดีจะทำอย่างนี้
ขณะที่นายประดิษฐ์ สมดังเจตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทมาสเตอร์พีซฯ กล่าวว่า ภายหลังการแถลงข่าวครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ก็มีการปล่อยข้อมูลว่าที่ตนออกมาทำอย่างนี้เพราะตกลงเรื่องผลประโยชน์ไม่ได้ เป็นการเข้าใจผิด ซึ่งตนขอชี้แจงว่ามันไม่ใช่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายประดิษฐ์ได้เผยแพร่เอกสารหลักฐานสำคัญ ซึ่งเป็นสรุปการโอนเงินสมาคมศิษย์เก่าทันตฯ ให้คุณหญิงรวม 6 งวด ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 25 เมษายน รวมเป็นเงิน 2,470,000 บาท และค่าแถลงข่าว 140,000 บาท รวมทั้งสิ้น 2,610,000 บาท ปรากฏชื่อเลขบัญชีธนาคารชัดเจน จากนั้นเปิดคลิปเสียงบันทึกสนทนาทางโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 คลิป ที่นายประดิษฐ์ได้โทรถามผู้ควบคุมการผลิตก่อนหน้าวันแถลงข่าว 3 สัปดาห์
โดยแต่ละคลิปนายประดิษฐ์ได้พยายามสอบถามคุณหญิงว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกว่าสมาคมศิษย์เก่าฯตั้งงบจัดงานไว้ 3.5 ล้านบาท และขอใบอนุโมทนาที่บริจาคเงินไป 7 แสนบาท ขณะที่อีกฝ่ายไม่สามารถอธิบายได้ ทำได้แต่เพียงอ้ำอึ้งอื้ออึงผ่านสายโทรศัพท์ อีกทั้งยังมีประโยคสำคัญ เช่น “ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ขอโทษ พี่ก็กระอักอยู่ พี่จะบอกกับทางสมาคมว่าเราไม่เกี่ยวด้วย จะให้ไปรับเงินที่เหลือจากทางสมาคมศิษย์เก่า 7 แสนบาท คิดเป็นค่าใช้จ่ายแทนแล้วกัน”
นายประดิษฐ์กล่าวว่า จากคลิปเสียงทั้งหมดที่มีคำขอโทษออกมาหลายครั้ง ตนคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดอย่างแน่นอน เพราะมีความพยายามให้ตนไปรับเงินที่สมาคมยังไม่ได้จ่ายให้พี่หญิงอีก 8 แสนบาท มาให้ตน 7 แสนบาท เหมือนเป็นค่าจ้างแล้วจบๆ กันไป แต่ตนบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่ได้ต้องการเงินคืน เพียงขอใบอนุโมทนาไปลดหย่อนภาษีเท่านั้น ทั้งนี้ จากหลักฐานการโอนเงิน หลักฐานการทวงเงินค่าจัดงานคอนเสิร์ตที่ปรากฏชื่อนักข่าวช่อง 11 และเจ้าหน้าที่คณะ ที่รู้ว่าสมาคมจะจัดงานจึงตั้งเรื่องชงเรื่องเพราะรู้ว่าจะได้งบ คิดว่าทั้ง 3 คนรู้เห็นกัน ทำงานร่วมกัน ฉะนั้น บริษัทมาสเตอร์พีซฯจึงได้ยื่นฟ้องทั้ง 3 ท่านข้อหาฉ้อโกง ที่ศาลแขวงปทุมวัน เมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 สิงหาคม ซึ่งจะนัดคู่กรณีไกล่เกลี่ยในวันที่ 29 กันยายน และไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 3 ตุลาคม
นายประดิษฐ์กล่าวอีกว่า ส่วนทางสมาคมศิษย์เก่าจะยื่นฟ้องข้อหาฉ้อโกงทั้ง 3 ท่านเช่นกัน ในช่วงเช้าของวันที่ 5 สิงหาคม ที่ศาลแขวงดุสิต อย่างไรก็ตาม ข้อหาฉ้อโกงสามารถยอมความได้ แต่ส่วนจะยอมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเจตนาบริสุทธิ์ผู้ถูกกล่าวหาว่าจะบ่ายเบี่ยง แก้ตัว หรือยกข้อหาหมิ่นประมาทมาฟ้องกลับตนและสมาคม ตนและสมาคมก็จะแจ้งข้อหาเพิ่ม ซึ่งจะหนักกว่านี้และไม่สามารถยอมความได้ อย่างไรก็ตาม ใจจริงเราเพียงต้องการให้เขามาคืนเงิน ขอโทษ และชี้แจงแล้วจบ แต่เมื่อให้โอกาสมาชี้แจงกับทางสมาคมและบริษัทรวมถึง 6 ครั้งแล้วไม่มา การพูดคุยจากนี้จะอยู่ในชั้นศาลเท่านั้น และหากอีกฝ่ายฟ้องหมิ่นประมาทจริง คิดว่าสิ่งที่เราได้พูดมาทั้งหมดคือความจริงพิสูจน์ได้ หมิ่นประมาทก็ไม่สามารถทำอะไรได้
