มีชัย ยังสับสนปรับแก้รธน.ตามคำถามพ่วง คาดสิ้นเดือนนี้เสร็จ พร้อมส่งศาลรธน.ตีความ

“มีชัย” ยังสับสน ปรับแก้ร่าง รธน. ตาม คำถามพ่วง สนช. คาด สิ้นเดือนนี้เสร็จ พร้อมส่ง ศาล รธน.ตีความ

เมื่อวันที่ 13.30 น.วันที่ 19 สิงหาคม ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าหารือกับตัวแทนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ถึงเรื่องการตีความคำถามพ่วงประชามติต่อการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญว่า ทางกรธ.ต้องการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญให้ตรงกับเจตนาของผลประชามติ โดยยึดตัวอักษรเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้มีคนเข้าใจผิดว่า มาตราที่ 272 นั้นเป็นบทถาวร เพราะความจริงเป็นบทเฉพาะกาล ทั้งนี้ หากยึดตัวบทก็ต้องดูที่คำถามพ่วง ซึ่งระบุว่า วาระเริ่มแรกจนถึงเวลา 5 ปี รัฐสภา โดย 2 สภาจะเป็นผู้ร่วมกันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะผูกพันกับระยะเวลามากกว่าจำนวนครั้ง แตกต่างจากในมาตรา 272 ที่มีความผูกพันแค่วาระเริ่มแรกของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น อีกทั้ง มาตรา 272 ยังระบุอีกว่า หากหลักจากการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรกนั้น เกิดการยุบสภาขึ้น หลักการเสนอข้อยกเว้นเพื่อให้ ส.ว.สามารถเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีนอกบัญชีรายชื่อ และร่วมกับ ส.ส.เพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีนั้นก็ไม่สามารถทำได้แล้ว เพราะว่าพ้นจากวาระเริ่มแรกของรัฐสภาไปแล้ว อย่างไรก็ตาม กรธ.ในตอนนี้ยังมีความสับสนอยู่ว่า จะนับวันแรกที่มีรัฐสภากันอย่างไร เพราะคำว่า 5 ปีตั้งแต่มีรัฐสภาในคำถามพ่วงฯนั้นเป็นภาษาชาวบ้าน ถ้าดูภาษากฎหมายก็จะสงสัยว่า จะดูวันแรกที่มีรัฐสภากันอย่างไร ถ้าหากวันเลือกตั้งส.ส.มี ส.ว.แล้ว จะหมายความว่า ตอนนั้นมีรัฐสภาแล้วหรือไม่ ซึ่งก็เป็นประเด็นที่ยังสงสัยอยู่ ดังนั้น กรธ.จึงได้มีแนวคิดว่า ถ้าเขียนว่า นับตั้งแต่มีการประชุมสภาเป็นครั้งแรกจะชัดเจนกว่าหรือไม่ แต่อย่างไรปัญหาก็มีอยู่ เนื่องจากการไปเปลี่ยนคำว่ารัฐสภา เป็นคำว่าการประชุมครั้งแรกอาจนำมาซึ่งปัญหาได้

เมื่อถามว่า การแก้ร่างรัฐธรรมนูญตามเจตนาของคำถามพ่วงจะนำไปสู่การเพิ่มมาตราใหม่หรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า กรธ.ก็ยังกังวลอยู่ เพราะกรธ.นำเสนอให้ประชาชนได้ทราบก่อนลงประชามติว่าร่างรัฐธรรมนูญมีอยู่ 279 มาตราดังนั้นถ้าไม่จำเป็น กรธ.ก็จะไม่เพิ่มมาตรา เมื่อถามต่อว่า ในตอนนี้มี สนช.บางคนมาอ้างว่า ส.ว.นั้นสามารถเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ด้วยนั้น นายมีชัย กล่าวต่อว่า ตรงนี้ก็ต้องไปดูตามตัวอักษร ส่วนรายละเอียดตนขอให้ฟังหลังจากที่ กรธ.หารือกับตัวแทน สนช.เรียบร้อยแล้ว เมื่อถามต่อว่า ในข้อเสนอของ สนช.ระบุว่าถ้าหากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ และต้องใช้เสียงของรัฐสภา 2 ใน 3 เพื่อเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนนอกที่ไม่ได้มาจากพรรคการเมือง ควรให้ ส.ว.มาร่วมเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ควร แต่ต้องดูว่าที่เขียนไว้มันจะไปถึงตรงนี้หรือไม่ ก็เปรียบเสมือนว่าในวันนั้นเจอหน้าผู้หญิง ควรจะขอความรักจากเขาภายในครั้งเดียว แต่ปรากฏว่าตอนนั้นกลับไม่ได้ขอ เมื่อถามต่อว่า การที่ประชุมร่วมทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ร่วมกันพิจารณาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี อาจจะถูกตีความหมายถึงว่าให้ ส.ว.ร่วมเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ด้วย นายมีชัย กล่าวว่า “เวลาไปร่วมเป็นสักขีพยานตอนที่เขาจะแต่งงานกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ร่วมเป็นสักขีพยานจะไปแต่งงานด้วย”

“ในตอนนี้ยังไม่รู้ว่า กรธ.จะมีความเห็นหรือแนวทางว่าจะแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญกันอย่างไร แต่คาดว่าภายในครึ่งเดือนหลังจากนี้ กรธ.น่าจะส่งร่างรัฐธรรมนูญไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบได้ ซึ่ง กรธ.ก็จะต้องดำเนินการโดยละเอียด ครอบคลุมครบถ้วน และส่งไปให้ทุกฝ่ายดู ก่อนที่จะส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเขียนไม่ถูก ไม่ตรงตามเจตนาของประชามติ ก็ให้เขาส่งความเห็นกลับมาว่าจะให้เขียนแก้ไขกันอย่างไร เพราะร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงนั้นผ่านประชามติไปแล้ว กรธ.คงไม่สามารถไปเพิ่มอำนาจหรือตัดทอนอะไรได้อีกแล้ว” นายมีชัย กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image