พล.อ.ปราการ ชลยุทธ ครม.ส่วนหน้าž ข้อต่อเชื่อม ประชาชน – รบ.ž

หมายเหตุ – พล.อ.ปราการ ชลยุทธ อดีตรองเสนาธิการทหาร และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 คณะผู้แทนพิเศษของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.ส่วนหน้า) หรือที่เรียกว่า ครม.ส่วนหน้า ให้สัมภาษณ์พิเศษ มติชนŽ ในประเด็น กรอบแนวทางและนโยบายในการเข้าไปแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.)

*เมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นคณะผู้แทนพิเศษของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.ส่วนหน้า) จะเอาประสบการณ์จากการเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 มาแก้ไขปัญหาอย่างไร

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าการทำงานของเราไม่มีหน้าที่ไปสั่งการหน่วยงานใดๆ เพียงแต่เรามีหน้าที่ประสานงานขั้นตอนที่ยุ่งยากอะไรต่างๆ ให้เร็วขึ้น ซึ่งงบประมาณในการทำงานนั้นเราไม่มีงบประมาณโดยตรงเพราะเรามีหน้าที่เป็นเพียงผู้ติดต่อประสานงานและตัวกลางในการพูดคุยเท่านั้น หากจะมีงบประมาณใดๆ ก็ตาม ก็จะใช้เพียงแค่ค่าอาหารและค่ารถเท่านั้น

ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดนี้ก็มีอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 หลายคนเข้ามาช่วยทำงาน อาทิ พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ พล.อ.สกล ชื่นตระกูล, พล.ท. วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ พร้อมทั้งอดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ พล.อ.จำลอง คุณสงค์ รวมทั้งอดีตข้าราชการตำรวจ และข้าราชการพลเรือน ที่เคยทำงานในพื้นที่มายาวนาน เราจะมาหารือพูดคุยกันและหาแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งก็จะใช้หลักการการเมืองนำการทหาร โดยเราก็จะสานต่อในแนวทางนี้ต่อไป

Advertisement

*จากการประชุมนัดแรกได้รับมอบดูงานด้านใด

จากที่ประชุมเบื้องต้น พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธาน คปต.ส่วนหน้า ได้กำหนดกรอบอย่างกว้างๆ เบื้องต้นก่อน โดยให้คณะกรรมการทั้ง 12 คนแบ่งหน้าที่รับผิดชอบติดต่อประสานงานกับกระทรวงต่างๆ คนละ 2 กระทรวงโดยผมเองนั้นได้รับมอบหมายให้ติดต่อ ดูแล ประสานงานกับกระทรวงกลาโหมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเมื่อได้รับมอบหมายแล้วจะลงพื้นที่ไปพบปะพูดคุยกับชาวบ้านว่ามีปัญหาเดือดร้อนอย่างไร มีข้อติดขัดตรงไหน แล้วก็จะให้พวกเขาสะท้อนปัญหามาแล้วนำเอาข้อมูลดังกล่าวมาพิจารณาและวิเคราะห์ พร้อมทั้งสรุป แล้วนำขึ้นมาเสนอในที่ประชุมครั้งต่อไป

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้เป็นเพียงการประชุมครั้งแรกเท่านั้น เราเพิ่งจะกำหนดกรอบทำงานอย่าง กว้างๆ แบ่งสายงานรับผิดชอบว่าแต่ละคนได้รับหน้าที่ติดต่อประสานงานกระทรวงใด หน่วยงานใด เพื่อลงไปในพื้นที่ ซึ่งหากมีความชัดเจนใดๆ จากการลงพื้นที่พวกเราก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลว่าความต้องการของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างไร เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา

Advertisement

*ดูจากรายชื่อคณะกรรมการแล้วส่วนใหญ่มักจะเป็นอดีตข้าราชการ โดยที่ไม่มีคนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมจะเปรียบเสมือนแหล่งรองรับข้าราชการที่เกษียณอายุราชการหรือไม่

ผมคิดว่าทุกคนมีความตั้งใจ และมุ่งมั่นในการทำงานอยู่แล้ว แม้ว่าพวกเราส่วนใหญ่จะเป็นอดีตข้าราชการก็ตาม แต่ว่าทุกคนก็มีประสบการณ์การทำงานในพื้นที่มาอย่างยาวนานก็พร้อมที่จะช่วยกันผลักดันแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ลุล่วงลงได้ โดยวัตถุประสงค์หลักของเราจะไปลง พื้นที่เพื่อกำหนดกรอบดูว่าความต้องการของประชาชนในพื้นที่พวกเขามีความต้องการอะไรมีความเดือดร้อนตรงไหน อาทิ หากพวกเขามีปัญหาติดขัดในข้อกฎหมาย เมื่อเรารู้แล้วเราก็จะมีหน้าที่เข้าไปช่วย และสะท้อนปัญหาดังกล่าวขึ้นมาเพื่อไปรายงานรัฐบาลทันที

สำหรับการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่นั้น ต้องเข้าใจว่าคณะทำงานของเราก็จะมีหน้าที่ไปพบปะเยี่ยมเยียนผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา หรือโต๊ะอิหม่าม ตลอดจนคณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัดอยู่แล้ว ซึ่งเวลานี้ประชาชนในพื้นที่รู้แล้วว่าพวกเราได้รับแต่งตั้งเป็น คปต.ส่วนหน้า และใครมีหน้าที่อะไร อย่างไร ในการเข้ามาแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ จชต. ดังนั้นเขาก็สามารถสะท้อนปัญหาผ่านทางเราขึ้นมาได้ทันทีเลย

เพราะฉะนั้น ผมขอยืนยันว่าข้อดีในการทำงานของเราคือเป็นกลไกหนึ่งที่เปรียบเสมือนข้อต่อตัวเชื่อมระหว่างประชาชนในพื้นที่กับรัฐบาล ที่จะช่วยลดปัญหาขั้นตอนอันยุ่งยากของระบบราชการให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะขั้นตอนเดิมทีหากชาวบ้านมีปัญหาขึ้นมาแล้วอยากจะให้หน่วยงานรัฐเข้าไปช่วยแก้ไขก็ต้องผ่านขั้นตอนผู้ใหญ่บ้าน กำนัน รายงานไปยังอำเภอ แล้วเสนอขึ้นไปจังหวัด จากนั้นอธิบดีก็จะมารับเรื่องแล้วรายงานไปยังกระทรวง ซึ่งกว่าจะแก้ไขปัญหาได้ก็ยุ่งยากหลายขั้นตอนการที่รัฐบาลแต่งตั้งพวกเราเข้ามาจะเป็นข้อต่อหนึ่งมาช่วยรับทราบปัญหา ประสาน และรายงานปัญหาขึ้นมาก็จะสามารถแก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

*ในมุมมองส่วนตัวที่เข้ามาทำงานครั้งนี้มองว่าสถานการณ์ในพื้นที่จะลดความรุนแรงได้หรือไม่

วัตถุประสงค์หลักของเราคือจะต้องลดปัญหาความรุนแรงและความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้ พร้อมทั้งเราจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจว่าฝ่ายรัฐบาลมีความตั้งใจและมีความจริงใจกับประชาชนว่าเราจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยที่ไม่ให้ผู้ก่อเหตุสร้างเงื่อนไขความรุนแรงมาเป็นเงื่อนไขการต่อรองได้

เมื่อรัฐบาลแสดงให้เห็นว่าเรามีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ในขณะที่ผมและคณะกรรมการอีก 12 ท่านที่เข้ามาทำงานก็มีความตั้งใจและความจริงใจกับประชาชนในพื้นที่ โดยจะยึดหลักแนวทางในการแก้ไขปัญหาแบบสันติวิธี ไม่ใช่ความรุนแรง พร้อมทั้งจะให้ประชาชนในพื้นที่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา การศึกษา โดยเฉพาะกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมกัน อีกทั้งขอย้ำว่าทุกคนจะต้องได้รับการดูแลจากรัฐอย่างยุติธรรมและเท่าเทียมกันทุกคน ซึ่งที่กล่าวไปนี้ คปต.ส่วนหน้าทั้ง 13 คนจะต้องทำ และสร้างให้พวกเขาเห็นว่าเราทำเช่นนั้นจริงๆ

*ในเมื่อทุกคนต้องได้รับความยุติธรรมภายใต้กรอบกฎหมาย แต่ปัญหาในพื้นที่จะปฏิบัติต่อผู้ก่อเหตุอย่างไรที่ใช้ความรุนแรง

ไม่ว่าใครก็ตามในเมื่อกระทำผิดกฎหมายจะต้องได้รับการลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมกันทุกคน ทุกภูมิภาค โดยที่ไม่มีการเลือกปฏิบัติ โดยกรอบในการดำเนินการจะต้องยึดหลักการสันติวิธี ไม่ใช่ความรุนแรงอย่างเคร่งครัด เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการจะต้องปฏิบัติตามนี้ เพื่อสร้างหลักประกันให้คนในพื้นที่และประชาชนในสังคมเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเราแก้ไขปัญหาความรุนแรงตามแนวทางสันติวิธี และมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาจริงๆ โดยที่จะต้องไม่มีการวิสามัญฆาตกรรมเกิดขึ้น

*สมัยที่เคยทำงานในพื้นที่ดำเนินการตามหลักการที่กล่าวไปข้างต้นหรือไม่

ใช่ครับ ผมขอยกตัวอย่างสมัยเคยเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 มาก่อน เมื่อครั้งผู้ใต้บังคับบัญชารายงานมาว่าพบผู้ก่อเหตุที่มีหมายตาม ป.วิอาญา ผมก็สั่งการให้ใช้แนวทางแบบสันติวิธีในการแก้ไขปัญหา โดยใช้หลักการแบบนิติวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจน พร้อมทั้งใช้ชุดเจรจาส่งไปพูดคุยทำความเข้าใจกับคนในครอบครัวของผู้ที่มีหมายจับ ทั้งพ่อแม่ พี่น้อง ลูก หรือญาติของเขา โดยเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้าใจและนำไปสู่การจับกุมตัวได้ในที่สุด โดยปราศจากซึ่งการวิสามัญฆาตกรรม ไร้ซึ่งความรุนแรง

*สิ่งที่วาดฝันการแก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่

ผมอยากจะบอกว่าพวกเราจะสร้างความมั่นใจ และความจริงใจให้คนในพื้นที่เห็นว่าเราเข้ามาเป็นตัวเชื่อม ข้อต่อกลางในการประสานงานเพื่อสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านไปยังรัฐบาล โดยมีจุดมุ่งหมายว่าสิ่งที่เราเข้าไปผลักดันครั้งนี้จะสามารถนำไปสู่การลดสถิติการก่อเหตุความรุนแรง สร้างความสันติสุขให้ประชาชนในพื้นที่ได้ในที่สุด เมธาวุฒิ เสาร์แก้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image