เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ถึงกรณีที่กระทรวงคมนาคม (คค.) มีมติให้ กทม.จ่ายเงินค่ากรรมสิทธิ์ที่ดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ จำนวน 3,557 ล้านบาท ว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และหากจะต้องจ่ายจริง กทม.ก็ไม่มีงบประมาณ ดังนั้น เรื่องนี้จะส่งผู้แทนไปเจรจาอีกครั้ง
“เรื่องนี้ต้องส่งคณะกรรมการไปเจรจา ถ้าจ่ายแค่ 3,500 บาท มาเอาตอนนี้ ผมจ่ายให้ได้เลย แต่ถ้าจะให้เราจ่ายเงิน 3,500 ล้านบาท ตอนนี้เลย เราไม่มีเงิน ถ้าไม่จ่ายแล้วเขาไม่ให้เรา เราก็ไม่เอา” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว
ด้านนางวรรณวิไล พรหมลักขโณ รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า หากให้ กทม.จ่ายงวดแรกเป็นเงินถึง 3,557 ล้านบาท กทม.จำเป็นต้องใช้เงินสะสม แต่คงเป็นไปไม่ได้ เพราะจะส่งผลกระทบรายจ่ายด้านต่างๆ ของ กทม.แน่นอน เช่น การจ่ายเงินบำนาญข้าราชการ
“เดิมเจรจากันว่า กทม.จะจ่ายค่าโอนกรรมสิทธิ์ให้แล้วเสร็จภายในปี 2572 แต่สำหรับการจ่ายเงินงวดแรก คาดว่าจะต้องมีการเจรจากันอีกที เพื่อหาข้อสรุป อย่างน้อยต้องให้รถไฟฟ้าเปิดให้บริการกับประชาชนเสียก่อน เพื่อให้ กทม.มีรายได้ในการจ่ายเงินงวดแรก” นางวรรณวิไล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการกู้ยืมเงินหรือออกพันธบัตรเพื่อนำเงินมาจ่ายในงวดแรกหรือไม่ นางวรรณวิไล กล่าวว่า การกู้เงินหรือออกพันธบัตรไม่ใช่ทางเลือกของ กทม. เพราะทั้งสองเรื่องนี้มีเงื่อนไขต่างๆ มาก และการจ่ายเงินงวดแรก คาดว่าจะต้องมีการจ่ายเป็นงวดๆ จนครบ 3,557 ล้านบาท มากกว่าจะจ่ายเป็นเงินก้อน
เมื่อถามว่ารถไฟฟ้าจะสามารถเปิดใช้งานได้เมื่อใด นางวรรณวิไล กล่าวว่า ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ จะเปิดทดลองให้บริการฟรีใน 1 สถานี คือ สถานีแบริ่ง และคาดว่าในเดือนมีนาคม ปี 2560 จะเปิดให้บริการในเชิงพาณิยช์ได้อย่างเต็มรูปแบบ
สำหรับยอดหนี้ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จัดทำเพื่อให้ กทม.ชำระรวมทั้งสิ้น 21,403 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ระยะยาว 17,538 ล้านบาท และค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินกับค่าธรรมเนียมต่างๆ 3,557 ล้านบาท โดยให้ กทม.ชำระ 3,557 ล้านบาท ให้ รฟม.เป็นก้อนแรกในวันรับโอนกรรมสิทธิ์คือ วันที่ 1 เมษายน 2560 ส่วนหนี้ระยะยาวให้ กทม.ทยอยจ่าย
