“ครม.”ไฟเขียวยกโรงงานยาสูบเป็นนิติบุคคลเพื่อให้การทำงานคล่องตัวรับการแข่งขันรุนแรง

กอบศักดิ์ ภูตระกูล (แฟ้มภาพ)

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำวำนักนายกรัฐมนตี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังเห็นชอบร่างพ.ร.บ.การยาสูบแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับโรงงานยาสูบมีสถานะเป็นนิติบุคคลเปลี่ยนชื่อเป็น การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เพื่อให้ยสท.สามารถทำธุรกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ สามารถแข่งขันกับต่างชาติ มีเงินทุนและที่ดินไว้บริหารจัดการเอง เช่นเดียวกับสามารถทำงานด้านการรับผิดชอบต่อสังคมได้ จากนี้ไปจะจัดตั้งคณะกรรมการยสท. และให้มีผู้ว่ายสท.ขึ้นมา เพื่อกำกับดูแลองค์กร ซึ่งกระทรวงการคลังได้ระบุว่า ปัจจุบันโรงงานยาสูบมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงการคลัง แต่ไม่ได้มีฐานะเป็นนิติบุคคล ทำให้การดำเนินภารกิจไม่คล่องตัว เนื่องจากไม่มีสถานะ หรือความสามารถในการทำนิติกรรมได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งขาดความชัดเจนในด้านการถือครองทรัพย์สิน ทั้งสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ และการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมยาสูบในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทั้งด้านสภาพแวดล้อมภายนอกองค์กร เช่น การต่อต้านการสูบบุหรี่ การรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทำให้มีการแข่งขันสูง

ขณะเดียวกัน ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มขยายตัวในระดับต่ำ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ซิกาแรตของคนไทยมีแนวโน้มลดลง อำนาจการต่อรองของผู้ขายวัตถุดิบ ผู้ส่งมอบ ปัจจัยการผลิต และการคุกคามจากการแข่งขันของคู่แข่งขันต่างชาติมีขนาดใหญ่ และมีเงินทุนมหาศาล จึงทำให้โรงงานยาสูบต้องปรับฐานะเป็นนิติบุคคล และขยายตัวไปทำธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อความอยู่รอดขององค์กรในอนาคต อย่างไรก็ตาม การกำกับดูแลนั้น ยังเป็นกระทรวงการคลังที่กำกับดูแล และในกรณีที่ยสท.ต้องการลงทุนเพื่อขยายกิจการที่มีมูลค่าเกินกว่า 500 ล้านบาท กู้เงิน ให้กู้ หรือให้ยืมเงินที่มีจำนวนเงินเกินครั้งละ100 ล้านบาท ออกตราสารเพื่อใช้ในการลงทุน จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาเกิน 10 ล้านบาท รวมทั้งการจัดตั้งบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด และการเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น หรือถือหุ้นในบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ก็ต้องรายงานเรื่องให้ครม.เห็นชอบก่อนด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image