ความคืบหน้ากรณีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คนใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีดำ เป็นยานพาหนะ ลักพาตัว น.ส.สุภัคสรณ์ พลไธสง อายุ 28 ปี ลักษณะคล้ายผู้ชาย ออกจากห้องเอ 413 อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ภายใน ซ.เพชรเกษม 114 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพฯ เหตุเกิดเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา จากนั้นพ่อแม่ของเหยื่อได้เดินทางจาก จ.สระแก้ว ร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ให้ช่วยติดตามตัวลูกสาวเพราะเกรงว่าจะถูกฆ่าปิดปากนั้น จากการสอบสวนเชื่อว่า น.ส.สุภัคสรณ์ น่าจะเสียชีวิต โดยแก๊งอุ้มดังกล่าวน่าจะเป็นกลุ่มคนมีสีที่มีนายตำรวจ เนื่องจากสาเหตุเพื่อนสาวของน.ส.สุภัคสรณ์ ที่พักอาศัยอยู่ใกล้กัน และทำงานเป็นนักร้องประจำร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านพุทธมณฑลสาย 4 ต่อมาชอบพอกับหลายปี ระยะมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาติดพัน อาจเกิดความหึงหวง จนเป็นชนวนโดนอุ้มหายตัวไป
เมื่อวันที่ 10 มกราคม ศาลธนบุรี ได้อนุมัติหมายจับ ดังนี้ พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ ผกก.สภ.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ต้องกล่าวหากระทำความผิดฐาน ใช้จ้าง วาน ให้ผู้อื่น ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจ ต้องจำยอมต่อสิ่งนั้น ,หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น ,ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดของตน หรือเพื่อหลักเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำไว้ และลองฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย ส่วน น.ส.กรรณิกา หรือดาว กรุมรัมย์ นักร้องร้านอาหารแห่งหนึ่ง ,นายสามารถ แสงสิน ,นายภาณุเมศวร์ หรือจิ๋ว มีลา น,ายชัยยุทธ หรือจบ เบ็ญจชาติ ,นายภูมิทัศน์ หรืออุ๋ม พิบูรณ์สวัสดิ์ และนายนวัฒน์ หรือโจ๊ก สวยทอง ทั้งหมดโดนต้องกล่าวหากระทำความผิดฐาน ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจ ต้องจำยอมต่อสิ่งนั้น ,หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น ,ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดของตน หรือเพื่อหลักเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำไว้ และลองฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย
