เสียงร้องจากคนทำ ช่วยพาหนังไทยออกพ้นวิกฤติการณ์ ลั่นต้องกำหนดสัดส่วนหนังเทศ เพิ่มพื้นที่หนังไทย ไม่งั้นแย่แน่!

บุญส่ง นาคภู่,สุภาพ หริมเทพาธิป,ชฎาพร สุขสำราญ,กัญจน์ภัสสร สุวิชาแสงเพ็ชร์,ธัญญวารินทร์ สุขะพิสิษฐ์,เจนไวย์ ทองดีนอก,พัชร เอี่ยมตระกูล และชาติชาย เกษนัส

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา เครือข่ายผู้ประกอบวิชาชีพภาพยนตร์ ได้จัดแถลงข่าวเรื่อง ‘ยื่นข้อเรียกร้องให้เร่งพาหนังไทยออกพ้นวิกฤติการณ์’ โดยมีชาติชาติ เกษนัส ผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์เรื่อง “ถึงคน…ไม่คิดถึง” , บุญส่ง นาคภู่ ผู้กำกับการแสดงเรื่อง “ธุดงควัตร” , กอล์ฟ-ธัญญวารินทร์ สุขะพิสิษฐ์ ผู้กำกับการแสดงเรื่อง “ปั๊มน้ำมัน” , เจนไวย์ ทองดีนอก กรรมการสมาคมผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์ไทย , พัชร เอี่ยมตระกูล ตัวแทน Hal ผู้จัดจำหน่ายหนังอิสระ , ชฎาพร สุขสำราญ และ ท.พญ.กัญจน์ภัสสร สุวิชาแสงเพ็ชร์ จากเครือข่ายคนดูหนังแห่งประะเทศไทย เข้าร่วม และมีสุภาพ หริมเทพาทิป สื่อมวลชนด้านภาพยนตร์ไทยดำเนินรายการ โดยเครือข่ายผู้ประกอบวิชาชีพฯกล่าวว่าปัจจุบันภาพยนตร์ไทยประสบปัญหาหลายอย่าง ทำให้สัดส่วนรายได้ของภาพยนตร์ลดลงอย่างต่อเนื่องจนน่าเป็นห่วง นั่นคือปี 2557 ภาพยนตร์ไทยมีส่วนแบ่งในตลาด 22 % โดยปีนั้นมีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้าฉายทั้งสิ้น 135 เรื่อง ทำรายได้ราว 3,134 ล้านบาท ขณะที่มีภาพยนตร์ไทยฉาย 39 เรื่อง ทำรายได้ 927 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2558 ภาพยนตร์ไทยมีส่วนแบ่งในตลาด 18 % และในปี 2559 มีส่วนแบ่งในตลาดเหลือเพียง 13 % โดยทั้งปีมีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้าฉาย 245 เรื่อง ทำรายได้ราว 4,127 ล้านบาท ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบการดำเนินงานของโรงภาพยนตร์ ที่ปัจจุบันมีเครือใหญ่เพียง 2 เครือ ซึ่งมักจัดฉายภาพยนตร์ระดับบล็อคบัสเตอร์จากฮอลลีวู้ดในเวลาเดียวกัน ทำให้มีพื้นที่จัดฉายภาพยนตร์ไทย และภาพยนตร์ประเภทอื่นๆในจำนวนน้อย ดังนั้นเพื่อให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยอยู่ได้อย่างเข้มแข็งจึงขอยื่นข้อเรียกร้องให้มีการดำเนินการดังต่อไปนี้

ในส่วนสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ ในระยะเร่งด่วน ให้มีการกำหนดสัดส่วนการฉายภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์มัลติเพล็กซ์ ตามที่มาตรา 9 (5) ของพรบ. ภาพยนตร์และวีดิทัศน์กำหนดไว้ โดยเรียกร้องให้ฉายภาพยนตร์แต่ละเรื่องไม่เกิน 20 % ของจำนวนจอทั้งหมดที่เครือโรงภาพยนตร์ดังกล่าวมี ขณะเดียวกันให้กำหนดจำนวนรอบและเวลาฉายภาพยนตร์ไว้ โดยต้องวางโปรแกรมฉายให้ภาพยนตร์ไทยทุกเรื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์เต็ม นับแต่วันที่เริ่มฉายปกติ ไม่รวมรอบสนีคพีค และฉายวันละ 5 รอบเป็นอย่างต่ำ พร้อมกันนัันก็ให้ยกเลิกค่าธรรมเนียมการฉายดิจิตอล หรือค่าธรรมเนียมค่าใช้จ่ายอื่นใดที่เกี่ยวกับการฉายทั้้งหมด เช่นเดียวกับที่เลิกเก็บจากผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ของภาพยนตร์ต่างประเทศไปแล้ว รวมทั้งให้แก้ไขระบบผูกขาดของโรงภาพยนตร์ ซึ่งปัจจุบันนอกจากผู้ดำเนินงานโรงภาพยนตร์ที่มีเครือใหญ่เพียง 2 เครือแล้ว ยังมีระบบสายหนังที่ควบคุมการฉายในปริมณฑลและต่างจังหวัด ซึ่งส่งผลกระทบในหลายด้าน ทั้งการเลือกภาพยนตร์เข้าฉาย ราคาบัตร และอื่นๆซึ่งเป็นการทำลายวัฒนธรรมการชมภาพยนตร์ จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการแข่งขันการค้าเข้ามากำกับดูแล ให้การแข่งขันทางธุรกิจภาพยนตร์ฺเป็นไปอย่างเป็นธรรมเพื่อประโยชน์แก่ทุกฝ่าย

41476

ส่วนในระยะต่อไป ก็ขอให้สมาพันธ์สมาคมภาพยนต์แห่งชาติมีบทบาทอย่างจริงจังในการพัฒนาคุณภาพของผู้สร้างและผู้ชมภาพยนตร์ อาทิ การตั้งกองทุนส่งเสริมผู้สร้างภาพยนตร์ไทยที่มีหลักเกณฑ์เหมาะสมเพื่อให้เกิดภาพยนตร์ไทยที่มีคุณภาพทัดเทียมต่างประเทศ เป็นต้น

Advertisement

ภายหลังการแถลงข่าวกอล์ฟ ธัญญวารินทร์ ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยว่า อีกปัญหาที่เครือข่ายผู้ประกอบวิชาชีพภาพยนตร์ประสบคือการละเมิดลิขสิทธิ์ ที่ส่งผลให้ระยะหลังไม่ค่ค่อยมีใครกล้าลงุทนสร้างภาพยนตร์ไทยอีก ดังนัันจึงต้องมีกฎหมายที่แข็งแรงมาจัดการ รวมถึงต้องสร้างสำนึกประชาชนในการไม่ละเมิดลิขสิทธิ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image