นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่11 มกราคม บริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด ผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี มาจ่ายภาษีวงเงิน 427.83 ล้านบาทแล้ว เพื่อนำรถยนต์นำเข้าในล็อตที่ 3 และล็อต 4 จำนวน 291 คัน ออกไปจากค่าเรือแหลมฉบัง โดยรถเมล์เอ็นจีวีดังกล่าวบริษัทนำเข้าแจ้งว่านำเข้ามาจากมาเลเซีย และไม่ขอใช้สิทธิ์ด้านภาษี ทำให้บริษัทต้องเสียภาษีนำเข้า 40% และเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต) 7% เป็นระดับเดียวกับภาษีนำเข้าจากประเทศจีน
นายกุลิศ กล่าวว่า ภายในที่ 11 มกราคมนี้จะสามารถตรวจปล่อยรถยนต์ประมาณ 100 คันที่เหลือ คาดว่าจะตรวจปล่อยทั้ง 291 คันภายในวันศุกร์ที่ 13 มกราคมนี้ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้บริษัทมาเสียค่าปรับและภาษีสำหรับรถยนต์ล็อตแรก 1 คันไปแล้ว ส่วนล็อตที่ 2 อีก 99 คัน แจ้งว่านำเข้ามาจากประเทศมาเลเซียขอใช้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า 40% นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้นำออกไปจากท่าเรือ และกรมอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม และรอหลักฐานจากประเทศมาเลเซียที่จะส่งมาเพิ่ม โดยยังเหลือรถยนต์อีก 98 คัน ที่ยังนำเข้ามาไม่ถึงท่าเรือ
นายกุลิศ กล่าวว่า กรมศุลกากรมีหมายเหตุในการปล่อยรถเมล์เอ็นจีวีในครั้งนี้ด้วยเนื่องจากสงสัยว่านำเข้าจากประเทศจีนเหมือนล็อตที่ 1 และ 2 แต่ที่ให้นำรถออกไปจากท่าเรือก่อน เพราะอัตราภาษีเท่ากันกับประเทศจีน อย่างไรก็ตามหากตรวจสอบภายหลังพบว่าเป็นรถยนต์ที่มาจากประเทศจีน ถือว่าบริษัทนำเข้าสำแดงเท็จ ซึ่งมีโทษคือ ถ้าไกล่เกลี่ย เสียค่าปรับ 2 เท่าของภาษี แต่ถ้าถึงกระบวนการศาล ค่าปรับเพิ่มเป็น 4 เท่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถดังกล่าวเป็นรถเมล์ที่ชนะการประมูลขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) รวม 489 คัน ซึ่งผู้ชนะการประมุลคือบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ในการทำสัญญาระหว่าง ขสมก.และเบสท์ริน ระบุว่าจะนำเข้ารถยนต์จากประเทศมาเลเซียและขอใช้สิทธิ์ประโยชน์ด้านภาษี แต่กรมศุลกากรตรวจพบว่าเส้นทางนำเข้ารถเมล์ดังกล่าวมาจากประเทศจีน จึงยังไม่ให้นำรถเมล์ออก จนกว่าจะมาเสียภาษีและค่าปรับให้ถูกต้อง โดยบริษัทนำเข้าแจ้งในส่วนล็อต 3 และล็อต 4 ว่ามาจากมาเลเซียและขอเสียภาษีนำเข้าตามปกติ
