| ที่มา | มติชน |
|---|---|
| เผยแพร่ |
นายก่อเกียรติ ทองผุด นายช่างศิลปกรรม สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร กล่าวถึงความคืบหน้าการออกแบบพระเมรุมาศ ว่า หลังจากออกแบบแปลนทุกด้านเสร็จแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างทำรายละเอียดแบบรูปตัด รูปด้าน งานโครงสร้าง งานวิศวกรรม งานไฟฟ้า สำหรับการจัดซื้อจัดจ้างต้องแล้วเสร็จ และนำเสนอนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ภายในวันที่ 16 มกราคม เพื่อพิจารณาลงนามจัดซื้อจัดจ้าง โดยพระเมรุมาศจะมีฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างด้านละ 59.60 เมตร สูง 50.49 เมตร มีพื้น 4 ชั้น รูปทรงบุษบก มียอดปราสาท 9 ยอด ตรงกลางเป็นบุษบกองค์ประธานมี 7 ชั้นเชิงกลอน แวดล้อมด้วยบุษบกสำซ่างลงมาที่มุมทั้งสี่ชั้นชาลาที่ 3 บุษบกหอเปลื้องรอบนอกที่มุมชั้นชาลาที่ 2 วางลดหลั่นกันลงมา พระเมรุมาศเป็นตัวแทนของเขาพระสุเมรุซึ่งเป็นศูนย์กลางจักรวาล บริเวณเชิงเขาเป็นที่ตั้งของป่าหิมพานต์ ประกอบด้วย เขามอ สัตว์หิมพานต์ต่างๆ สระอโนดาต บริเวณเชิงบันไดจะมีเสาพญานาคเศียรเดียวทั้ง 4 มุม บริเวณทางขึ้นจะมีสัตว์ 4 ชนิดตามไตรภูมิ คือ ช้างอยู่ทิศเหนือ ม้าอยู่ทิศตะวันตก วัวอยู่ทิศใต้ และสิงห์อยู่ทิศตะวันออก
“ขณะนี้ได้ทำภาพ 3 มิติพระเมรุมาศเสร็จแล้ว 70% เพื่อดูความสวยงาม และสีของพระเมรุมาศ ตลอดจนทดสอบขนาดของประติมากรรมกับพระเมรุมาศว่าได้สัดส่วนเหมาะสมหรือไม่ เบื้องต้นกำหนดขนาดประติมากรรมเพื่อนำมาทดสอบ ดังนี้ ชั้นล่างสุด หรือลานพื้นอุตราวรรต จะมีช้าง ม้า วัว และสิงห์ ที่มีความสูง 108 เซนติเมตร โดยในส่วนของช้าง นับความสูงจากเท้าถึงหลังช้าง, ชั้นชาลาที่ 1 มีประติมากรรมเฝ้าบันได คือ คชสีห์ ราชสีห์, บันไดพญานาค 3 เศียร รูปแบบมกร ประกอบด้วยสัตว์ 5 ชนิด คือ ช้าง จระเข้ กวาง สิงห์ งู/มังกร และบริเวณมุมมีจัตุโลกบาลเฝ้าทั้ง 4 มุม โดยทั้งคชสีห์ และราชสีห์ มีความสูง 115 เซนติเมตร, ชั้นชาลาที่ 2 ซึ่งมีหอเปลื้องวาง 4 มุมนั้น จะมีประติมากรรมเฝ้าบันได เป็นครุฑ ความสูงของครุฑจากเท้าถึงหน้าผาก 180 เซนติเมตร, บันไดเป็นพญานาค 5 เศียร รูปแบบเหมือนทางขึ้นพระพุทธบาทสระบุรี ส่วนฐานประดับเป็นเทพชุมนุมผู้ปรารถนาไปแดนพุทธภูมิ” นายก่อเกียรติกล่าว
นายก่อเกียรติกล่าวอีกว่า ชั้นชาลาที่ 3 ซึ่งเป็นที่วาง “สำซ่าง” หรือพื้นที่พระสงฆ์สวดพระอภิธรรม 4 ด้านนั้น ทางขึ้นบันได จะมีประติมากรรมเป็นเทวดายืนเชิญฉัตร 7 ชั้น จำนวน 8 องค์ และมีมหาเทพ ได้แก่ พระอินทร์ พระพรหม พระอิศวร และพระนารายณ์ มาเฝ้ารับเสด็จ ถวายพระเกียรติ และส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย รูปแบบเทวดาเหมือนจริง มีกล้ามเนื้อ ลวดลายประดับเป็นศิลปะทวารวดี ศรีวิชัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ โดยความสูงของเทวดาจากเท้าถึงหน้าผาก ไม่รวมชฎา 185 เซนติเมตร และมหาเทพ จากเท้าถึงหน้าผาก ไม่รวมชฎา 225 เซนติเมตร นอกจากนี้ มีบันไดพญานาคแบบจำแลงหน้าเหมือนมนุษย์ โดยมีเทวดา และครุฑ ประดับฐานรับบุษบก และชั้นชาลาที่ 4 ซึ่งเป็นที่ตั้งพระจิตกาธานประดิษฐานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศนั้น มีประติมากรรมคุณทองแดงในอิริยาบถนั่งอยู่ด้านข้างพระจิตกาธาน และประดับฉากบังเพลิงสีชมพูอมทอง อมขาว
นายก่อเกียรติกล่าวอีกว่า ด้านหน้าของฉากบังเพลิง เขียนภาพจิตรกรรมโครงการพระราชดำริ และพระนารายณ์ ด้านในเขียนภาพดอกบัวทอง และเงิน ดอกมณฑาซึ่งเป็นดอกไม้แห่งสรวงสวรรค์ ดอกกล้วยไม้แคทลียา ควีนสิริกิติ์ ดอกหน้าวัวสีชมพู ในส่วนของภาพจิตรกรรมที่ฉากบังเพลิงนั้น เขียนแบบศิลปะรัชกาลที่ 9 แบบจิตรกรรมฝาผนังพระพุทธรัตนสถานตามแนวพระราชดำริ โดยสำนักช่างสิบหมู่จะเป็นผู้เขียนภาพ คัดเลือกโครงการหลวง และโครงการในพระราชดำริเด่นๆ จากทั้งหมดกว่า 4,000 โครงการ มาจัดหมวดหมู่เป็น 4 หมวด ได้แก่ ทิศตะวันออก คือ พระอัคนี (ไฟ) เป็นโครงการเกี่ยวกับพลังงาน, ทิศใต้ คือ แม่พระธรณี (ดิน) เป็นโครงการที่เกี่ยวกับดิน, ทิศตะวันตก คือ พระวายุ (ลม) เป็นโครงการที่เกี่ยวกับลม ฝน และทิศเหนือ พระแม่คงคา (น้ำ) เป็นโครงการที่เกี่ยวกับน้ำ
นายมณเฑียร ชูเสือหึง ข้าราชการประจำกลุ่มจิตรกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร กล่าวว่า รับผิดชอบการออกแบบภาพเขียนจิตรกรรมที่ฉากบังเพลิง พระที่นั่งทรงธรรม และทับเกษตร โดยจะคัดเลือกโครงการในพระราชดำริที่โดดเด่นมาประดับที่ด้านหน้าของฉากบังเพลิง ส่วนบนของด้านหน้าฉากบังเพลิงจะเป็นภาพจิตรกรรมพระนารายณ์อวตาร ส่วนด้านล่างเป็นโครงการในพระราชดำริ นอกจากนี้ จะอัญเชิญโครงการพระราชดำริมาเขียนภาพจิตรกรรมประดับที่พระที่นั่งทรงธรรมทั้ง 3 ด้านด้วย โดยจะอยู่ทางด้านหลัง รวมถึงจะมีภาพจิตรกรรมโครงการในพระราชดำริที่ทับเกษตรด้วย ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเป็นโครงการใดบ้าง จะคัดเลือกโครงการที่เด่นๆ จากทั้งหมดกว่า 4,000 โครงการตามภูมิภาคต่างๆ มาเขียนภาพจิตรกรรม
