ไทยรับอานิสงส์เปิดเออีซีส่งสินค้าเข้าอาเซียนได้เพิ่ม-แต่หวั่นปีนี้อาจเสียตลาดสินค้าเกษตรให้ซีแอลเอ็มวี

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงผลสำรวจข้อมูลเรื่อง “ประเมิน 1 ปี การส่งออกสินค้าเกษตรไทยหลังเข้าสู่ AEC” ว่า ในระยะ 1 ปี หลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2558 หรือทั้งปี 2559นั้น การส่งออกสินค้าเกษตรไทยในอาเซียนถือว่าเติบโตได้ดี มีมูลค่าส่งออก 321,549 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% จากก่อนช่วงเข้าเออีซี ที่มีมูลค่าการส่งออก 261,457 ล้านบาท โดยในส่วนของสินค้าเกษตรไทยนั้นยังเป็นบวก 2.1% แต่ในส่วนของสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรติดลบ 0.4% และคาดว่าปี 2560 การส่งออกสินค้าเกษตรไทยจะเพิ่มขึ้น 5-6% จากสินค้าเกษตรหลัก เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวโพด ถั่วเหลือง ฯลฯ ที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้น แต่ในปีนี้มีแนวโน้มที่ไทยจะเสียส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับตลาดซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) ประมาณ10% เนื่องจากเป็นฐานการผลิตของโลก อีกทั้งอยู่ใกล้กับจีนและไทย มีโอกาสนำเข้าวัตถุดิบจากไทยไปผลิตแล้วส่งออกไปจีน และซีแอลเอ็มวีเป็นกลุ่มที่เศรษฐกิจเติบโตสูงที่สุดในโลกเฉลี่ยปีละ 7-8% และแนวโน้มยังเติบโตต่อเนื่องไปอีก 5 ปี รวมทั้งเพื่อนบ้านมีสินค้าหลายตัว เช่น มะม่วง มะพร้าว ยางพารา และกาแฟ ที่ต้นทุนถูกกว่า และมีผลผลิตมากกว่าไทย

นายอัทธ์กล่าวอีกว่า ในตลาดอาเซียน สินค้าไทยที่ได้รับประโยชน์คือ ข้าวสาร ยางพารา ข้าวโพด ถั่วเหลือง มะม่วง และเนื้อสัตว์แปรรูป รวมมูลค่า 9,015 ล้านบาท แต่มีสินค้าที่เสียประโยชน์คือ กาแฟ มันสำปะหลัง มะพร้าว กล้วย และอาหารทะเลแปรรูป รวม 1,599 ล้านบาท ทำให้โดยภาพรวมแล้วไทยได้ประโยชน์ 7,416 ล้านบาท แต่เฉพาะในตลาดซีแอลเอ็มวี สินค้าที่ได้รับประโยชน์คือ ข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว ข้าวโพด ถั่วเหลือง มันสำปะหลัง มะพร้าว มะม่วง กล้วย เนื้อสัตว์แปรรูป และอาหารทะเลแปรรูป 1,181 ล้านบาท แต่สินค้าที่เสียประโยชน์คือ ข้าวสารทุกประเภท ข้าวเหนียว ยางพารา กาแฟ และมันสำปะหลัง รวม 131 ล้านบาท ทำให้ไทยได้รับประโยชน์รวมเพียง 1,050 ล้านบาท แนะนำว่าให้สินค้าที่ไทยเสียเปรียบ ย้ายฐานการผลิตและแปรรูปไปในอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มซีแอลเอ็มวี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image