วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 ความคืบหน้าโรงงานยางแท่งยักษ์ 2 โรง ของ บ.ศรีตรัง แองโกรอินดัสตี จก.(มหาชน) กำลังผลิต 5,000 ตันต่อเดือน และของ บ.วงษ์บัณฑิต จก. กำลังผลิต 10,000 ตันต่อเดือน ถ.นิตโย ต.หนองนาคำ อ.เมือง ยังคงเดินเครื่องผลิตยางแท่งอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ บ.วงษ์บัณฑิต จก. ได้นำรถบรรทุกมาขนยางดิบที่กองอยู่กลางแจ้งออก ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการแก้ไขกลิ่นเหม็น ซึ่งก็ยังทำให้ราษฎรบ้านจำปา บ้านโนนสะอาด บ.โก่ย ต.หนองนาคำ ได้รับกลิ่นเหม็นในระดับ 1-2 จากที่เคยรับกลิ่นระดับ 2-5 ติดต่อกันมากว่า 4 ปี โดยนางสุภาพร เบ้าหล่อเพชร ราษฎรบ้านจำปา ม.7 เปิดเผยว่า ขอบคุณท่านผู้ว่าฯที่ทำให้กลิ่นเบาลง แม้ว่าชาวบ้านที่เดือดร้อนยังอยากให้ ผู้ว่าฯ หรือผู้มีอำนาจ สั่งให้โรงงานหยุดเดินเครื่อง แล้วกลับไปปรับปรุงโรงงานตัวเองก่อน หายเมื่อไหร่ก็มาเดินเครื่องใหม่ หากเดินเครื่องแล้วยังเหม็นอยู่ ก็ให้หยุดเดินเครื่องปรับปรุงอีก โดยเราไม่เห็นด้วยกับการตั้งใครมาดม เพราะทุกคนสามารถสัมผัสได้อยู่แล้ว ยังไม่รู้ว่าผู้ว่าฯสั่งให้ตั้งกรรมการมาดมพิสูจน์อยู่ และอยากให้มาสำรวจคนป่วย ที่ได้รับผลกระทบแบบเต็มพื้นที่
ด้านสนง.สาธารณสุข จ.อุดรธานี ได้รับรายงานของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.)หนองนาคำ ว่าผลการให้บริการในรอบ 6 เดือน (สิงหาคม 2559 – มกราคม 2560) มีผู้มารับบริการรักษาพยาบาล 15,097 คน คิดเป็นร้อยละ 47.43 ของผู้รับบริการทั้งหมด มีผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ ร้อยละ 14.79 , ผู้ป่วยระบบผิวหนัง ร้อยละ 2.01 , ผู้ป่วยระบบตา(เยื่อตาอักเสบ) ร้อยละ 0.88 และเป็นผู้ป่วยประเภทอื่นๆ ร้อยละ 82.31 มีผู้มารับบริการด้วยอาการป่วยระบบทางเดินหายใจและผิวหนัง 2,537 ราย และได้รับการรักษาด้วยการจ่ายยาคลอเฟนิรามีน (CPM) 1,278 ราย คิดเป็นร้อยละ 50.37
รายงานยังระบุอีกว่า จากการออกตรวจสุขภาพพบว่า ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากกลิ่นเหม็นของโรงงานยางพารามีการผลิตตลอด 24 ชั่วโมง เกือบทุกวัน ผลกระทบส่วนใหญ่มีอาการ แสบจมูก แสบคอ คอแห้ง ปวดศีรษะ แสบตา ผื่นคันตามผิวหนัง และมีอาการมากเวลามีกลิ่นเหม็น จะเหม็นมากในช่วงกลางดึก และจะมีอาการรุนแรงในกลุ่ม ผู้ป่วยเรื้อรัง กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มเด็กแรกเกิด- 5 ขวบ บางกลุ่มไม่ได้ส่งผลให้เจ็บป่วยในทันที และไม่ได้เข้ารับการรักษาใน รพ.สต.ทั้งหมด มีผู้ป่วยที่เลือกใช้บริการใน คลินิก โรงพยาบาลของรัฐอื่นๆ หรือบางรายจะปล่อยให้หายเอง หรือหลีกเลี่ยงจากการสูดดมกลิ่นโดยตรง เช่นการเข้าไปหลบอยู่ในบ้านหรือห้องนอน เมื่อมีอาการมากถึงไปรับบริการที่ รพ.สต.หนองนาคำ
ขณะที่ นายชยาวุธ จันทร ว่าราชการ จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า กรมควบคุมมลพิษแจ้งล่าสุดว่า จะเพิ่มเติมการตรวจเก็บอากาศ โดยจะคงรถโมบายตรวจเก็บอากาศ เพื่อตรวจเก็บไฮโดรเจนซัลไฟร์ , แอมโนเนีย และเก็บอาการตรวจสารอินทรีย์ระเหยง่าย และกรดไขมันระเหยง่าย แล้วยังจะเพิ่มเติมการเก็บตัวอย่างอากาศ เพื่อส่งไปให้ “ผู้เชียวชาญดมกลิ่น” ที่กรมควบคุมมลพิษ เป็นการตรวจสอบอีกชั้นหนึ่ง ที่กรมควบคุมมลพิษเคยวิธีนี้มาแล้ว โดยจะทำการเก็บ 3 วัน คือวันที่ 20-22กุมภาพันธุ์นี้ และจะต้องส่งให้ตรวจภายใน 24 ชม. ทั้งนี้จะให้ผู้รับผิดชอบลงไปดูเรื่องสุขภาพด้วย
