ผู้ว่าฯ จ.ฟุคุโอะกะ ญี่ปุ่น ลงนามแสดงความอาลัย ‘ในหลวง ร.9’ พสกนิกรสักการะพระบรมศพไม่ขาดสาย

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายเป็นพระราชกุศล เป็นวันที่ 75 อาทิ สมาคมสโมสรไลออนส์สากล ศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช รุ่น 104 บริษัท ฟีโนมีนา จำกัด ตลาดไท คณะผู้บริหาร ครู และนักเรียนจากโรงเรียนสันติวัน โรงเรียนแสงวิทยา โรงเรียนรุจิรพัฒน์ โรงเรียนดาวทอง โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพฯ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดปทุมธานี สำนักงานเทศบาลเมืองหลังสวน สำนักสำรวจด้านวิศวกรรมและธรณีวิทยา กรมชลประธาน องค์การสุรา กรมสรรพสามิต สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุโขทัย เขต 2 คณะผู้ช่วยปฏิบัติงานสนับสนุนงานสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คณะผู้ช่วยสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยนายมันชัย สวัสดิอารี กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ สาธารณรัฐสโลวีเนีย ประจำประเทศไทย พรรคไทยรักธรรม และนิสิตเก่าหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต ภาคผู้บริหาร รุ่นที่ 28 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. นายฮิโระชิ โอะกะวะ ผู้ว่าราชการจังหวัดฟุคุโอะกะ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมคณะ เดินทางมาลงนามแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในสมุดหลวง ณ ห้องแดง ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ หลังสำนักพระราชวังปิดเวลา 21.13 น.ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 30,369 คน รวม 109 วัน มี 4,574,553 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,727,938 บาท รวม 109 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 385,800,344.34 บาท

S__13967370

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 110 แม้วันนี้จะเป็นวันแรกของวันทำงาน ทว่าประชาชนจากทั่วทุกสารทิศต่างทยอยมาต่อแถวสักการะพระบรมศพอย่างไม่ขาดสาย ส่วนสภาพอากาศพบว่าแดดร้อนจัดตลอดทั้งวัน

นางสาวกาญชนา สงอาจิน อายุ 46 ปี ได้เดินทางมาพร้อมเพื่อนตั้งแต่ช่วงเช้ามืด คือ นางสาวนภสร ศรีโคตร อายุ 45 ปี เผยความรู้สึกภายหลังเข้าสักการะพระบรมศพว่า ภายหลังที่ได้ทำงานอยู่กรุงเทพฯกว่า 20 ปี ปัจจุบันตนก็ได้กลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านใน จ.นครศรีธรรมราช และยึดอาชีพทำสวนยางพาราเป็นหลัก ช่วงแรกที่ตนกลับบ้านก็ไม่รู้ว่าจะประกอบอาชีพอะไร เพราะมาทำงานที่กรุงเทพฯนานแล้ว แต่เนื่องจากที่บ้านทำสวนยางพาราจึงย้อนกลับไปศึกษาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 และเริ่มปลูกผักแซมบ้างในที่ดินว่างเปล่าภายในสวนยางพารา ผลผลิตจากผักที่ปลูกก็มีออกดอกออกผลเป็นอย่างดี

“การเดินทางมาสักการะพระบรมศพครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ตนตั้งใจมาให้ครบ 9 ครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตัวเอง ส่วนความรู้สึกครั้งแรกจนครั้งนี้ที่เข้าสักการะเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มใจทุกครั้ง เพราะรู้สึกเหมือนใกล้ชิดพระองค์ ถึงแม้บางครั้งต้องเจออุปสรรคระหว่างเดินทางคือประสบภัยน้ำท่วมที่ทางภาคใต้ก็ตาม แต่ก็ดั้นด้นมาให้จนได้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้เดินทางไปชมนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาล บริเวณท้องสนามหลวง โดยหลายเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมาประทับใจมากๆ และอยากให้คนไทยทุกคนเดินตามรอยของพระองค์” นางสาวกาญชนา กล่าว

Advertisement
S__13967364
กาญชนา สงอาจิน – นภสร ศรีโคตร

ด้านนางสาวนภสรกล่าวว่า ปัจจุบันตนก็ได้ย้ายกลับไปอาศัยที่บ้านเกิดในจ.อุดรธานี ภายหลังทำงานอยู่กรุงเทพฯมาเป็นระยะเวลานานเช่นกัน เมื่อก่อนตอนอยู่กรุงเทพฯ จะคอยรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสมอ แต่ภายหลังเสด็จสวรรคตความรู้สึกในทุกครั้งที่รับเสด็จนั้นตนยังจำได้ดี ทำให้ต้องมากราบสักการะและตั้งใจจะมาให้ครบ 9 ครั้งเช่นกัน เพราะอยากใกล้ชิดพระองค์เหมือนความรู้สึกที่เคยได้รับเสด็จ

นางสาวนภสรกล่าวอีกว่า ตอนนี้ประกอบอาชีพเป็นนักลงทุนอิสระ แต่ยังคงยึดหลักเรื่องความพอเพียงและทฤษฎีการเพาะปลูกของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปใช้จริงในพื้นที่ 2 งาน ในบ้านเกิด แม้พื้นที่ไม่ได้เยอะแต่ก็สามารถปลูกต้นไผ่ พืชผักสวนครัวและไม้ผลได้ ตอนนี้ก็ได้ไอเดียการปลูกผักเพิ่มเติมจากนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาล ในเรื่องของการทำบ่อน้ำ คิดว่าจะนำแนวคิดไปใช้ ส่วนอีกเรื่องที่ยึดถือคือเรื่องของความรัก ที่พระองค์ทรงมีความเมตตากรุณาและความรักต่อทุกคน แม้แต่คุณทองแดงที่เป็นสัตว์เลี้ยงก็ตาม พระองค์ยังคงให้โอกาสและความรักมหาศาลต่อคุณทองแดง

S__13967365
สมบูรณ์ มะกรูดอินทร์

ด้านนายสมบูรณ์ มะกรูดอินทร์ อายุ 49 ปี เดินทางมาจากที่พักย่านสะพานควาย กรุงเทพฯ กล่าวความรู้สึกอย่างตื้นตันใจภายหลังเข้าสักการะพระบรมศพว่า เดินทางมาสักการะกว่า 10 ครั้งแล้ว ซึ่งทุกครั้งที่มีโอกาสก็จะเดินทางมาต่อแถวที่ท้องสนามหลวง สำหรับความรู้สึกที่มีต่อพระองค์ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ เพราะเป็นคนหนึ่งที่มีความประทับใจและนำมาเป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิตมาตั้งแต่รู้จักพระองค์

“ไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดยังไง เพราะตั้งแต่อยู่ ป.5 หรือได้ทราบทุกเรื่องราวของพระองค์ เช่น การทรงงานหนักเพื่อทุกคนในพื้นที่ทุกสารทิศของประเทศไทย ทั้งนี้ ได้เก็บสะสมเหรียญกษาปณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ ปัจจุบันมีเป็นแสนเหรียญ อีกทั้งยังมีธนบัตร ปฏิทิน นิตยสาร หนังสือพิมพ์ โปสการ์ด และของที่ระลึกอื่นๆ ที่มีพระบรมสาทิสลักษณ์และพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งทั้งหมดที่สะสมนั้น ผมเก็บไว้บูชา มีคนมาถามขอซื้อบ่อยๆ ซึ่งผมได้บอกว่าผมไม่ได้เก็บไว้ขาย แต่ผมเก็บไว้บูชา และสิ่งต่างๆ เหล่านี้ผมก็อยากเก็บไว้สอนลูกหลานว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อเราปวงชนชาวไทย เพื่อให้คนรุ่นหลังไม่ลืม” นายสมบูรณ์กล่าว

นายสมบูรณ์กล่าวอีกว่า แม้แต่สิ่งที่ผมนำห้อยคอก็ไม่ใช่พระ แต่เป็นเหรียญของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ผมสะสมมาตั้งแต่ปี 2525 ซึ่งเหรียญนี้ได้จัดทำขึ้นเมื่อปี 2514 โดยหลายคนพยายามหาเหรียญสมเด็จหรือเหรียญแพงๆ เป็นแสนเป็นล้าน แต่ผมกลับมองว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 คือ พระบาทสมเด็จ เช่นเดียวกันที่ทุกคนพึงระลึกและบูชาตราบนานเท่านาน ไม่ต้องไปขวนขวายหาเหรียญแพงๆ จากที่ใด

S__13967366

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image