เมื่อเวลา 10.00 น. พลเอกธนศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการซักซ้อมและทดสอบการยกเสาเอกพระเมรุมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งอยู่บริเวณสนามหลวงทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ซึ่งการก่อสร้างพระเมรุมาศในงานพระราชพิธีครั้งนี้ ล่าสุดคณะช่างได้เทปูนฐานรากและตั้งโครงเหล็กตัวอาคารพระเมรุมาศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนพิธีบวงสรวงการก่อสร้างและยกเสาเอกพระเมรุมาศตามกำหนดการจริง โดยนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ จันโอชา เป็นประธานในพิธี ในวันที่ 27 ก.พ.นี้ ซึ่งตรงกับ ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 4 ระหว่างเวลา 10.01น. จนถึงเวลา 10.54น. อันเป็นมหัทธโนฤกษ์ หมายถึง ฤกษ์ใหญ่ใช้ประกอบการมงคล ซึ่งเป็นปฐมฤกษ์
สำหรับโครงสร้างประกอบการก่อสร้างพระเมรุมาศชุดแรก ที่ได้เคลื่อนย้ายจากบริษัท เอสที เฟรม แอนด์ ทรัส จำกัด ตำบลโพธิ์สามต้น อ.บางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประกอบด้วยโครงเหล็กประกอบเสาเอก มีความยาว 21 เมตร น้ำหนัก 17 ตัน
และโครงสร้างเหล็กประกอบพระเมรุมาศ และฐานรากรับน้ำหนัก โดยเสาพระเมรุมาศ จะมีทั้งหมด 4 ต้น เสาที่เหลืออีก3ต้น ยังอยู่ที่โรงงานผลิตโครงสร้างเหล็กจ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะทยอยส่งมาให้ครบทั้งหมดในวันที่ 25 ก.พ. เพื่อเตรียมประกอบเสาทั้ง 4 ต้น ในพิธีการบวงสรวงฯ
ทีมช่าง ของกรมศิลปากร ได้ซักซ้อม ขั้นตอนการยกเสาเอก ที่มีความยาว 21.9 เซนติเมตร ด้วยเครน 2 ตัว ซึ่งเป็นเสาเอกที่ตั้งอยู่ฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โดยใช้เวลาในการติดตั้ง 15 นาที ก่อนจะมีพิธีวันที่ 27 กุมภาพันธ์
พลเอก ธนศักดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเรื่องนี้ว่า “วันนี้มีการตรวจความเรียบร้อยอีกครั้งนะครับ จริงๆ มีการทดลองมีการยกแล้ว สำคัญคือทุกอย่างต้องเป็นไปตามระบบ ไปตามพระราชประเพณี เสาแต่ละต้นใช้เครนสองตัวและสลิงก็ใหญ่ไม่ว่ายังไงจะไม่มีการผิดพลาด ฉะนั้นการบวงสรวงการก่อสร้างและการยกเสาเอก คนที่จะปฏิบัติงานจะทำให้การก่อสร้างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จากรายละเอียดจะมีคณะกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิกำกับอยู่แล้ว ช่วยดูแลความมั่นคงรายละเอียด ถือว่าเสานี้ไม่ใช่เล็กๆ นะครับ ถ้าขึ้นไปแล้วถึงยอดฉัตรจะประมาณ 53 เมตร เสาเอกพอขึ้นไปแล้วจะประมาณ 24 เมตร จะให้เสร็จภายในวันจันทร์ตามฤกษ์ ความแข็งแรงคงทนจะต้องเป็นเลิศ การบวงสรวงเป็นไปได้ด้วยดี ฉะนั้นการก่อสร้างก็เป็นไปด้วยดี พิธีที่ทำเป็นมงคล ทำด้วยใจ ยึดพระราชประเพณี ยึดพิธีพราหมณ์ พิธีสงฆ์ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลและประชาชน ร่วมใจกันสร้างพระเมรุมาศถวายแก่ในหลวงรัชกาลที่9 ให้สมพระเกียรติ และในวันที่ 27 ก.พ จะเชิญผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งสนช. ศาล และองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสำนักราชเลขา เลขาธิการในพระองค์รัชกาลที่ 10 ส่วนความกังวลในการยกเสาเอกไม่มีแล้วครับ ผมมั่นใจว่ากานก่อสร้างของเราเร็วกว่ากำหนด ในโครงสร้างพระเมรุมาศจะเสร็จเดือนมิถุนายน แต่ว่าพระเมรุมาศจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน ในโลกนี้มีประเทศไทยประเทศเดียวทีมีพระราชประเพณีแบบนี้ ขอให้มั่นใจว่าพวกเราทำงานกันเต็มที่”
หลังจากนั้น พลเอก ธนศักดิ์ จึงได้ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของกรมศิลปากร ณ วิธานสถาปกศาลา(โรงขยายแบบ) อาคารจัดสร้างพระโกศจันทน์ อาคารปั้นหล่อประติมากรรม และอาคารเขียนสีและตกแต่งองค์ประกอบ
ทั้งนี้พระเมรุมาศมีความสูงตั้งแต่ฐานรากจนถึงยอดฉัตรนั้นอยู่ที่ 50.49 เมตร โครงสร้างและอาคารประกอบ เป็นเหล็กมีรูปแบบสถาปัตยกรรมชั่วคราวแบบน็อคดาว เสาหลักของพระเมรุมาศ 4 มุม ใช้ระบบโครงเหล็ก ตั้งอยู่บนโครงสร้างฐานเหล็กที่มีขนาดใหญ่สูง 1.8 เมตร ยาว 17 เมตร ยึดกันเป็นกรอบสี่เหลี่ยมจตุรัส ตั้งอยู่บนฐานรากแผ่นคอนกรีตที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ รับน้ำหนักอาคารพระเมรุมาศได้อย่างมั่นคง รวมถึงน้ำหนักการต้านลมของยอดพระนพปฎลเศวตฉัตร (พระ-นบ-พะ-ปะ-ดล-สะ-เวด-ตะ-ฉัตร )และพระวิสูตรหรือม่านขนาดใหญ่ ให้โครงสร้างรับแรงลมได้อย่างปลอดภัย
ตามค่าเฉลี่ยการต้านแรงลมที่สูงสุดตามข้อกำหนดของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารของกรุงเทพมหานคร
ส่วนแผนสำหรับการรองรับแรงสั่นสะเทือนนั้น ได้มีการเตรียมการตรวจวัดระดับความทรุดทุกเดือน รวมถึงยังมีการวางแผนระบบระบายน้ำในช่วงฤดูฝน ในพื้นที่ก่อสร้างพระเมรุมาศทั้ง4ทิศอีกด้วย
การก่อสร้างพระเมรุมาศเป็นไปตามแผนที่กำหนด ซึ่งคาดว่าโครงสร้างพระเมรุมาศ จะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2560 จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินงานด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมต่อไป
