ที่มา | นสพ.มติชน |
---|---|
ผู้เขียน | เสกขภูมิ วรรณปก |
เผยแพร่ |
สหรัฐอเมริกากำลังพยายามคิดหายุทธศาสตร์ใหม่ในการตอบโต้โครงการมิสไซล์และนิวเคลียร์ที่ก้าวร้าวของเกาหลีเหนือ แต่การคว่ำบาตรที่แข็งกร้าวมากกว่าเดิม เสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการทูตกับจีน
เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ จะเดินทางเยือนชาติพันธมิตรในแนวหน้าอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ ก่อนจะปิดท้ายที่จีน เพื่อหารือถึงวิกฤตที่กำลังตึงเครียดนี้
เกาหลีเหนือภายใต้การนำของ คิม จอง อึน อยู่ระหว่างการทดสอบขีปนาวุธที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อฐานทัพ รวมถึงหลายๆ เมืองของสหรัฐทางด้านมหาสมุทรแปซิฟิก รวมถึงการใช้กลยุทธ์ระดมยิงจรวดที่อาจเอาชนะระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐได้
นักสังเกตการณ์จำนวนมากมองว่าจีนเป็นมหาอำนาจเพียงประเทศเดียวที่มีความสามารถในการป้องปรามเกาหลีเหนือได้ และข้อมติในการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่บังคับใช้อยู่ ส่งผลกระทบน้อยมาก
วิกฤตนี้ถือเป็นความท้าทายสำคัญด้านความมั่นคงครั้งแรกในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และกระทรวงกลาโหมสหรัฐ (เพนตากอน) ได้ยั่วยุจีนให้โมโหก่อนหน้านี้แล้ว ด้วยการติดตั้งระบบต่อต้านมิสไซล์เพดานบินสูง (ทาด) ในเกาหลีใต้
ถึงตอนนี้ มีการพิจารณาทางเลือกอื่นๆ และสายเหยี่ยวด้านนโยบายต่างประเทศในวอชิงตันกำลังผลักดันมาตรการที่จะลงโทษธนาคารของจีนที่ทำธุรกรรมกับทางการเกาหลีเหนือ
มาร์ก โทเนอร์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่าประเด็นภัยคุกคามเกาหลีเหนือเป็นหัวข้อสำคัญในการเจรจาหารือระหว่างทิลเลอร์สันกับรัฐมนตรีต่างประเทศ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีน โดยจะมีการหารือกันถึงทางเลือกและวิธีการที่จะควบคุมสถานการณ์
แต่สัญญาณที่ออกมาจากจีนดูจะไม่เป็นไปในทางที่ดีนักสำหรับผู้คนในวอชิงตัน ที่คาดหวังว่าจีนพร้อมจะเข้ามาควบคุมพฤติกรรมที่ก้าวร้าวเป็นปฏิปักษ์ของเกาหลีเหนือ
โดยเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ระบุว่าสหรัฐและเกาหลีเหนือถือว่าเป็นฝ่ายผิดพอๆ กันในการทำให้สถานการณ์มุ่งไปสู่การเผชิญหน้า
รัฐมนตรีต่างประเทศจีนเรียกร้องให้กองทัพสหรัฐยกเลิกแผนซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ แลกกับการที่เกาหลีเหนือยุติโครงการทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นแนวคิดที่สหรัฐเมินใส่ โดยโทเนอร์ระบุว่าเป็นความรับผิดชอบของเกาหลีเหนือที่ต้องการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์และยกเลิกพฤติกรรมยั่วยุ
แอนโทนี่ รุจเจียโร ผู้เชี่ยวชาญสายเหยี่ยวแห่งมูลนิธิเพื่อการปกป้องประชาธิปไตย ระบุว่าวิธีการแก้ปัญหานี้คือลงโทษธนาคารจีนที่ช่วยให้เกาหลีเหนือเข้าถึงเงินทุนระหว่างประเทศได้
รายงานของคณะผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นระบุว่าเกาหลีเหนือใช้วิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้นเพื่อหลบเลี่ยงการถูกคว่ำบาตร ด้วยการใช้เครือข่ายบริษัทบังหน้าที่มีบัญชีในธนาคารของจีนหลายแห่ง ซึ่งธนาคารเหล่านี้มีสำนักงานอยู่ในสหรัฐและทำธุรกรรมกับธนาคารของสหรัฐ
รุจเจียโรยกตัวอย่างของแซดทีอี บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน ที่เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ยอมจ่ายค่าปรับ 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อขอยุติการถูกดำเนินคดีจากทางการสหรัฐในข้อหาทำการค้าอย่างผิดกฎหมายกับอิหร่านและเกาหลีเหนือ
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนหนึ่งมองว่ามาตรการดังกล่าวดูจะแข็งกร้าวและต้องทำอย่างระมัดระวัง แต่สหรัฐและชาติพันธมิตรต้องหาทางเลือกใหม่ซึ่งมีอยู่ไม่มากนัก เพื่อจัดการปัญหาในเรื่องนี้