คำแถลงไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมาจาก นายวิษณุ เครืองาม
สำคัญ
สำคัญเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคสช.และเป็นนายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี เท่ากับ หัวหน้ารัฐบาล
สำคัญเพราะ นายวิษณุ เครื่องาม เป็นรองนายกรัฐมนตรีซึ่งรับผิดชอบงาน “กฎหมาย”
ทำหน้าที่เหมือน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ในกาลอดีต
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่การตัดสินใจรุกไล่”ภาษี”จากการขายหุ้นของชินคอร์ปมีจุดเริ่มจาก “สุจริต” หรือ “ไม่สุจริต”
เพราะคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระบุว่า ธุรกรรมในการขายหุ้นชินคอร์ปไม่สุจริต
จึงเป็นเหตุผลนำไปสู่การเรียกเก็บ”ภาษี”
ขณะเดียวกัน หากนำเอาข้อโต้แย้ง”เบื้องต้น”อันมาจากฝ่ายของ “ทักษิณ” ก็จะมองเห็นเงื่อนแง่บางประการ
ไม่ว่าจะมาจาก นายพานทองแท้ ชินวัตร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่มาจาก นายนพดล ปัทมะ ดุษฎีบัณฑิตทางกฎหมายจากสหราชอาณาจักร อดีตผู้พิพากษา
เน้นไปที่ “คำพิพากษา” เช่นเดียวกัน
เพราะคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั่นเองเป็นบรรทัดฐานให้ศาลภาษีอากรไม่เรียกเก็บภาษีจาก นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร เพราะคำพิพากษาระบุว่า หุ้นเป็นของ”ทักษิณ”ส่วนคนอื่นๆเสมอเป็นเพียง “นอมินี”
ปมเงื่อนอยู่ที่คำว่า “ไม่สุจริต”
เหตุผลทางด้าน “รัฐบาล” อ้างว่าเพราะธุรกิจการขายหุ้นดำเนินไปอย่างไม่สุจริตจึงชอบธรรมที่จะเรียกเก็บ”ภาษี”
เหตุผลทางด้าน”ทักษิณ”อ้างว่า ถูกยึดทรัพย์สินจากคำพิพากษาไปแล้ว 4.6 หมื่นล้านบาท นั่นคือ ราคาของ”ไม่สุจริต”
ราคาของความ”ไม่สุจริต”จะตามมาอีก 1.6 หมื่นล้านบาทหรือไม่
จึงต้อง”ตามไปดู”