นั่งแท็กซี่แล้วไม่คาดเข็มขัดปรับ 500 บขส.อ่วมปรับ 5 พัน-รถตู้ต้องติดบอลดับไฟ

แท็กซี่ไม่คาดเข็มขัดปรับ 500 บขส.5 พัน-รถตู้ติดบอลดับไฟ

บขส.สั่งปรับ 5 พันบาท คนขับ-ผู้โดยสารไม่คาดเบลต์ “ตร.-ขนส่ง-กรุงไทย” เอาจริงเชื่อมฐานข้อมูลใบสั่ง แท็กซี่รับผู้โดยสารไม่เกิน 4 คน ติดเข็มขัดทุกที่นั่ง ฝ่าฝืนปรับคนละ 500 บาท ขบ.แจงต่อทะเบียนให้เวลา 30 วันเคลียร์ค่าปรับ

ขบ.รับชำระภาษีทุกกรณี

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติรวม 2 ฉบับ โดยฉบับที่ 14/2560 เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกนั้น กรมการขนส่งทางบกยังคงอำนวยความสะดวกให้เจ้าของรถชำระภาษีประจำปีได้ทุกกรณี สำหรับผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถคันที่ได้รับใบสั่งกฎหมายจราจรและยังไม่ได้ชำระค่าปรับภายในเวลาที่กำหนดยังคงชำระภาษีรถประจำปีได้ตามปกติ โดยจะได้รับหลักฐานชั่วคราวแทนเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีรถประจำปี ซึ่งหลักฐานชั่วคราวดังกล่าวจะมีอายุ 30 วัน นับแต่วันที่นายทะเบียนออกให้ หากชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้วนำหลักฐานใบเสร็จการชำระค่าปรับมาแสดงต่อนายทะเบียนของกรมการขนส่งทางบกเพื่อให้ออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีรถประจำปีได้ตามปกติ

Advertisement

“นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกยังอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถที่จะชำระภาษีรถประจำปีพร้อมประสงค์จะชำระค่าปรับในคราวเดียวกัน โดยสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศจะออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีรถประจำให้ทันที ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมมาตรการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยจราจรทางบกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเสริมสร้างวินัยจราจร จิตสำนึกด้านความปลอดภัย จะช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างยั่งยืนต่อไป” นายสนิทกล่าว

ย้ำรถตู้ต้องปฏิบัติตาม ม.44

นายสนิทกล่าวว่า สำหรับคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 15/2560 เรื่องมาตรการเพิ่มความปลอดภัยในรถโดยสารสาธารณะ ลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุจากรถโดยสารทุกประเภทให้เหลือน้อยที่สุด โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2560 ซึ่งเสริมสร้างความมั่นใจการเดินทางของประชาชนนั้น กรมการขนส่งทางบกพร้อมดำเนินการทันที และให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันทุกสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ โดยเพิ่มความเข้มข้นควบคุมกำกับดูแลรถโดยสารสาธารณะและบังคับใช้มาตรการลงโทษตามกฎหมาย หากผู้ประกอบการไม่ควบคุมดูแลพนักงานขับรถให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความปลอดภัยจนเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุร้ายแรง ฝ่าฝืนกระทำผิดเงื่อนไขในใบอนุญาตประกอบการ บรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนที่นั่ง ทิ้งผู้โดยสาร เก็บค่าโดยสารเกินอัตราที่กำหนด หรือปล่อยให้นำรถไปใช้กระทำผิดตามกฎหมายอื่น กรมการขนส่งทางบกสามารถสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนรถ ระงับใช้รถ หรือพักใช้ใบอนุญาตประกอบการขนส่งได้ทันที โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน รวมถึงผู้ประกอบการต้องจัดทำสมุดประจำรถ ประวัติผู้ประจำรถ ตรวจสอบสภาพและความพร้อมของรถและผู้ขับรถพร้อมทำบันทึกการตรวจสอบดังกล่าว และใบกำกับสินค้ากรณีเป็นผู้ประกอบการขนส่งโดยรถบรรทุก

Advertisement

เล็งประกาศหลักเกณฑ์-วิธีปฏิบัติ

“นอกจากนี้ ผู้ประกอบการรถสาธารณะยังต้องจัดให้มีประกันภัยเพิ่มเติมจากประกันภัยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 เพื่อประโยชน์คุ้มครองผู้โดยสารและบุคคลภายนอก โดยต้องแสดงหลักฐานการจัดทำประกันภัยทั้งภาคบังคับและที่จัดทำเพิ่มเติมก่อนชำระภาษีรถประจำปีและยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบการขนส่ง ทั้งนี้ หากไม่จัดทำประกันภัยตามที่กำหนดหรือแสดงหลักฐานไม่ครบถ้วน จะจดทะเบียนรถ ต่อภาษีประจำปี หรือต่ออายุใบอนุญาตประกอบการไม่ได้ ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกจะได้ประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ และประเภทผู้ประกอบการขนส่งที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อให้เป็นตามคำสั่งของ คสช.โดยเร็ว” นายสนิทกล่าว และว่า รถตู้ทุกคันต้องบรรทุกผู้โดยสารเพียง 13 คน หากเกินผิดกฎหมาย ในส่วนของโครงสร้างรถที่เกิน 13 ที่นั่ง ยังอนุโลมให้วิ่งได้ แต่ต้องปรับโครงสร้างรถให้เสร็จภายใน 60 วัน

ฟันผู้ให้บริการจีพีเอสหากขัดข้อง

นายสนิทกล่าวว่า ในคำสั่ง คสช.ฉบับดังกล่าวยังสนับสนุนการบริหารจัดการเดินรถด้วยระบบจีพีเอส (GPS) ของกรมการขนส่งทางบกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างครบวงจร โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการระบบจีพีเอสต้องมีส่วนร่วมดูแลระบบ ให้รายงานสถานะของรถแต่ละคันมายังศูนย์ฯจีพีเอสของกรมการขนส่งทางบกแบบเรียลไทม์ทันที หากระบบจีพีเอสของผู้ให้บริการมีปัญหาขัดข้องต้องแก้ไขโดยเร่งด่วน หากละเลยฝ่าฝืนมีความผิดปรับวันละไม่เกิน 5,000 บาท จนกว่าจะแก้ไขได้แล้วเสร็จ อีกทั้งกำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยของตัวรถโดยสารสาธารณะเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ประกอบการขนส่งดำเนินการโดยเคร่งครัด อาทิ การติดถังบรรจุก๊าซซึ่งต้องไม่เกินสมรรถนะของตัวรถ การกำหนดจำนวนที่นั่งผู้โดยสารของรถตู้โดยสารไม่เกิน 13 ที่นั่ง การแก้ไขปรับปรุงตัวรถ รวมถึงการแก้ไขกลไกให้ผู้โดยสารสามารถเปิดประตูหลังจากด้านในได้เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุขึ้น

“กรมการขนส่งทางบกจะกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการรถตู้โดยสารโดยเร็ว เพื่อให้เป็นตามคำสั่งของ คสช. และเพื่อยกระดับความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ และสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน” นายสนิทกล่าว

ตร.-ขนส่ง-กรุงไทยถกเชื่อมข้อมูล

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมร่วมกับนายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และตัวแทนจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อหารือการเชื่อมต่อฐานข้อมูลใบสั่งค่าปรับจราจรกับระบบการชำระเงินค่าปรับและการต่อภาษีของกรมการขนส่งทางบก

พล.ต.ท.วิทยากล่าวว่า ที่ผ่านมาใบสั่งที่ส่งผ่านไปรษณีย์ไม่มีการชำระค่าปรับร้อยละ 80 ในปี 2559 ส่งผลให้ฝ่าฝืนกฎจราจร โดยเฉพาะการใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดจำนวนมาก กลายเป็นสาเหตุใหญ่ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์และปีใหม่ที่ผ่านมา เดิมกฎหมายไม่ให้อำนาจกรมการขนส่งทางบกตรวจสอบเรื่องการค้างชำระค่าปรับ แต่มาตรา 44 นี้ให้อำนาจเพิ่มเติมตรวจสอบและรับชำระค่าปรับได้ วันนี้จะพูดคุยในประเด็นด้านเทคนิค เชื่อมระบบตรวจสอบใบสั่งที่ค้างชำระค่าปรับ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน ระหว่างนี้ผู้ค้างชำระค่าปรับตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมที่กฎหมายบังคับใช้ สามารถไปดำเนินการให้ถูกต้อง

เล็งปรับรูปแบบใบสั่ง-ตัดแต้ม

“ขณะนี้การเชื่อมโยงฐานข้อมูลเป็นลักษณะของฐานข้อมูลเบื้องต้นระหว่างตำรวจกับกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น ยังไม่เชื่อมฐานข้อมูลค่าปรับ อย่างไรก็ตาม จะปรับรูปแบบใบสั่งให้ทันสมัยมากขึ้น ชัดเจนมากขึ้น และระบุฐานคะแนนที่ถูกตัดแต้มจากการกระทำผิดด้วย เช่น ขับรถเร็วตัด 30 คะแนน รถแท็กซี่ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสารด้วย หากถูกตัดคะแนนเกิน 60 คะแนนจะต้องเข้าอบรม แต่หากไม่ถูกตัดคะแนนเลย อาจยกย่องว่าเป็นผู้ที่ขับรถได้ดีเด่น” พล.ต.ท.วิทยากล่าว

นายกมลกล่าวถึงกรณีไม่คาดเข็มขัดนิรภัยตามมาตรา 44 โดยระบุว่าจะบังคับใช้กฎหมาย 2 ส่วน คือ กฎหมายรถยนต์ และกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก สำหรับรถยนต์นั่งบุคคลไม่เกิน 7 คน ที่จดทะเบียนระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2531-31 มกราคม 2555 และรถแท็กซี่ ที่นั่งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าต้องมีและใช้คาดเข็มขัดนิรภัย รถแท็กซี่ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 กำหนดให้มีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ส่วนรถตู้ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 ต้องมีและใช้เข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ส่วนของรถกระบะ ผู้ขับขี่และคนนั่งด้านหน้าต้องมีและใช้เข็มขัดนิรภัย ยกเว้นรถสองแถว รถกระบะมีแค็บ และรถสามล้อเครื่อง ที่บังคับเฉพาะคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า เนื่องจากไม่เหมาะแก่การติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเพิ่มเติม

นั่งแท็กซี่ไม่คาดเบลต์ปรับ 500

นายกมลกล่าวต่อว่า ส่วนการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก กรณีรถบรรทุกบังคับให้มีและใช้เข็มขัดนิรภัยที่นั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ส่วนรถโดยสารหมวด 2 และหมวด 3 ไม่เกิน 20 ที่นั่ง ที่วิ่งระหว่างกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด และวิ่งระหว่างจังหวัด รวมถึงรถบัสขนาดใหญ่ที่วิ่งในมหาวิทยาลัยจะบังคับให้มีและใช้เข็มขัดนิรภัยที่นั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า รวมทั้งมีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง โดยจะให้มีผลบังคับใช้ภายใน 30 วันเช่นกัน

“ส่วนกรณีรถแท็กซี่ อนุญาตให้บรรทุกผู้โดยสารทั้งคันไม่เกิน 5 คน รวมคนขับ โดยทุกที่นั่งต้องมีและใช้เข็มขัดนิรภัย หากฝ่าฝืนคนขับจะมีความผิดฐานยินยอม ส่วนผู้โดยสารจะมีความผิดฐานไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ปรับคนละไม่เกิน 500 บาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างประชาสัมพันธ์ให้ติดตั้งให้ครบทุกที่นั่ง ซึ่งมาตรการทั้งหมดจะทำก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อลดอุบัติเหตุ” นายกมลกล่าว

บขส.สั่งไม่คาดเข็มขัดปรับ 5 พัน

พล.ต.อ.อำนาจ อันอาตม์งาม กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ปีนี้รถ บขส.และรถร่วม บขส.ได้กำชับให้ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยและการให้บริการที่ผู้ขับรถต้องดูแลผู้โดยสารใช้เข็มขัดนิรภัยระหว่างเดินทางทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะมีโทษทางกฎหมายทั้งคนขับและผู้โดยสาร ซึ่งมีโทษปรับครั้งละ 5,000 บาท นอกจากนี้ ประกาศ ม.44 จำกัดผู้เดินทางสำหรับรถตู้ระหว่างจังหวัด จาก 14 ที่นั่ง เหลือ 13 ที่นั่งนั้น กรมการขนส่งทางบกจะต้องทำรายงานเข้าที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง เพื่อประกาศบังคับใช้ต่อไป ยืนยันว่ารถตู้โดยสารทุกคันจะต้องบรรทุกไม่เกิน 13 ที่นั่งตามประกาศ ม.44 เท่านั้น และตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2560 เป็นต้นไป บขส.จะออกใบบรรจุเที่ยววิ่งให้เฉพาะรถตู้โดยสารที่ติดตั้งจีพีเอสเท่านั้น โดยรถที่ไม่ติดตั้งระบบจีพีเอสถือเป็นรถที่ผิดกฎหมาย

ห้ามดื่มเหล้าบนรถ-สถานีขนส่ง

พล.ต.อ.อำนาจกล่าวว่า บขส.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งจุดตรวจรถโดยสารและตรวจวัดแอลกอฮอล์ให้กับพนักงานขับรถบนทางหลวงสายหลัก พร้อมกำหนดให้รถสายยาวที่ใช้เวลาในการเดินทางเกินกว่า 4 ชั่วโมง ต้องจัดพนักงานขับรถ 2 คน และควบคุมไม่ให้ขับรถโดยสารด้วยความเร็วเกินกว่า 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อสร้างความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้โดยสารตลอดการเดินทาง รวมทั้งประกาศห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือสิ่งเสพติดมึนเมาทุกประเภท ติดป้ายห้ามดื่มแอลกอฮอล์บนรถโดยสารทุกคัน และภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่ง ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยในการเดินทางสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง

เตรียมเพิ่มเที่ยวรถสงกรานต์

พล.ต.อ.อำนาจกล่าวอีกว่า บขส.คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารทยอยเดินทางออกจากกรุงเทพฯช่วงสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 10-12 เมษายน และขากลับระหว่างวันที่ 17-20 เมษายน โดย บขส.จัดเที่ยววิ่งรองรับเพิ่มขึ้นจากปกติวันละ 5,986 เที่ยว เพิ่มรถเสริม 1,615 เที่ยว รวมเป็น 7,601 เที่ยว โดยประเมินว่าผู้โดยสารที่ใช้บริการในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีคนใช้บริการรถร่วม บขส. จากเดิม 60,000 คนต่อวัน อาจจะเพิ่มเป็น 85,000 คนถึง 140,000 คนต่อวัน หรือโดยสารสูงสุด 180,000 คนต่อวัน ส่วนรถตู้ร่วมบริการ บขส. ปัจจุบันมีคนใช้บริการประมาณ 25,000 คนต่อวัน จะเพิ่มเป็น 60,000 คนต่อวัน นอกจากนี้ บขส.ได้จัดแผนการเดินรถเฉพาะรถโดยสาร บขส. บริเวณโดยรอบสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) โดยผู้โดยสารที่จองตั๋วโดยสารล่วงหน้า เฉพาะรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 และรถวีไอพีของ บขส. เส้นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 10-12 เมษายน 2560 ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น. ให้ไปขึ้นรถที่กรมการขนส่งทางบก โดย บขส.ได้จัดรถตู้ไว้ให้บริการรับ-ส่งฟรี บริเวณด้านหน้าอาคารสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)

ประสาน ตร.ระบายรถขนส่ง 3 แห่ง

พล.ต.อ.อำนาจกล่าวต่อว่า ส่วนสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (สายใต้) ถนนบรมราชชนนี ให้จัดเตรียมช่องชานชาลาขาเข้า เพื่อให้รถโดยสารสามารถจอดรับ-ส่งผู้โดยสารได้อย่างเพียงพอ และให้จัดช่องจอดรถโดยสารให้เป็นระเบียบ เพื่อให้สามารถสำรองวินได้มากขึ้น เช่นเดียวกับที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (เอกมัย) ให้เปิดใช้ชานชาลาบริเวณด้านหลังสถานีขนส่งฯ สำหรับจอดรถโดยสารเสริม 20 ช่องและได้ประสานขอความร่วมมือไปยังจราจรกลาง สถานีตำรวจบางซื่อ ตลิ่งชัน และทองหล่อ ระดมตำรวจช่วยระบายการจราจรในบริเวณรอบสถานีขนส่งผู้โดยสารทั้ง 3 แห่ง และประสานไปยังศูนย์วิทยุแท็กซี่ ให้แจ้งไปยังรถแท็กซี่เพื่อให้รับ-ส่งผู้โดยสาร ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่งอย่างเพียงพอ รวมทั้งได้จัดเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย และได้ตั้งจุดรับเรื่องร้องเรียนบริเวณประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 และชั้น 3 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) เพื่อรับเรื่องร้องเรียน แก้ไขปัญหาการเดินทาง รวมทั้งให้คำแนะนำประชาสัมพันธ์เรื่องการเดินทางแก่ผู้โดยสาร โดยจะดำเนินการตั้งแต่วันที่ 8-12 เมษายน 2560 เวลา 17.00-00.00 น.

นครชัยแอร์ชี้ไม่กระทบธุรกิจ

นายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ กล่าวว่า ทางสมาคมพร้อมปฏิบัติตามกฎหมาย ขณะนี้สมาชิกของสมาคมขับรถแท็กซี่รุ่นใหม่ ซึ่งมีเข็มขัดนิรภัยสำหรับเบาะหลังให้ผู้โดยสารทั้ง 3 ที่นั่งอยู่แล้ว โดยมีรถแท็กซี่รุ่นใหม่ดังกล่าวอยู่ 70% จากที่มีรถแท็กซี่ของสมาชิกอยู่ทั้งหมด 20,000 คัน ส่วนที่เหลือเป็นรถแท็กซี่รุ่นเก่า จะทยอยปลดการใช้งานให้หมดภายในปีนี้

นางเครือวัลย์ วงศ์รักมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด กล่าวว่า คำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 15/2560 โดยเฉพาะเรื่องการคาดเข็มขัดนิรภัยในรถโดยสารสาธารณะและการติดตั้งระบบจีพีเอส ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท เพราะบริษัทรณรงค์ให้ผู้โดยสารทุกคนที่โดยสารกับนครชัยแอร์ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกคนและตลอดเวลาอยู่แล้วเมื่อรถเคลื่อนที่ ซึ่งจากผลการรณรงค์ในรอบปีที่ผ่านมา พบว่าผู้โดยสารแทบทุกคนให้ความร่วมมือในการคาดเข็มขัดนิรภัยเป็นอย่างดี และคาดว่ายิ่งนับวันผู้โดยสารจะยิ่งตระหนักในเรื่องการคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัยมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ ในส่วนของการติดตั้งระบบจีพีเอสและเชื่อมสัญญาณเพื่อควบคุมความเร็วของรถ ทางนครชัยแอร์ก็ได้ดำเนินการเรื่องนี้นานแล้ว

รถตู้โคราช-เชียงใหม่ไม่กระทบ

นายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในเชียงใหม่รถตู้ทั้งหมดขึ้นกับการกำกับดูแลของขนส่งจังหวัด โดย 3 ส่วน คือรถตู้ภายในจังหวัดที่วิ่งรับ-ส่งจากตัวเมืองเชียงใหม่ไป อ.ฝาง เวียงแหง เปียงหลวง พร้าว แม่ตื่น-อมก๋อย บ้านถวาย และหมู่บ้านขวัญเวียง ส่วนที่ 2 คือรถตู้สนามบิน

วิ่งใน 3 เส้นทางย่านนักท่องเที่ยว เช่น นิมมานเหมินท์ และโรงแรม ส่วนที่ 3 คือ วิ่งระหว่างจังหวัดไปลำปาง แม่สะเรียง และปาย แม่ฮ่องสอน ส่วนนี้มีเพียงประมาณ 70 คันเท่านั้น เรียกว่ากระทบน้อยมาก และทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการศึกษาความชัดเจน แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ในขณะที่รถตู้ที่ให้บริการเช่าทั่วไปก็ไม่เข้าข่ายเพราะไม่ได้จอดให้ขึ้นลง แต่เป็นการเช่าเหมาคัน ในความเป็นจริงคือเชียงใหม่ไม่ได้มีลักษณะแบบรถร่วม บขส.แบบกรุงเทพมหานคร

นางธัญญรัตน์ โรจนาปิยวงศ์ ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการรถตู้โดยสารสาธารณะ สายนครราชสีมา-บุรีรัมย์ กล่าวว่า จากประกาศล่าสุดของรัฐบาล คสช.ที่ให้รถตู้โดยสารสาธารณะปรับลดเบาะผู้โดยสารเหลือ 13 ที่นั่ง เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เมื่อเทียบกับนโยบายก่อนหน้าที่จะให้ยกเลิกวิ่งรถตู้โดยสารสาธารณะแล้วเปลี่ยนเป็นรถมินิบัสแทนนั้น ส่วนใหญ่รับไม่ได้เพราะมีต้นทุนสูง ดังนั้น เมื่อรัฐบาลยอมถอยมาประกาศใช้การปรับลดเบาะที่นั่งผู้โดยสารแทน จึงถือว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนรับได้อย่างแน่นอน โดยในส่วนของกลุ่มผู้ประกอบการรถตู้โดยสารสาธารณะ สายนครราชสีมา-บุรีรัมย์ ปัจจุบันมีรถวิ่งอยู่ทั้งหมด 32 คัน จะรีบไปหารือกัน และพร้อมที่จะปรับลดเบาะผู้โดยสารลงทันที

ติดตั้งลูกบอลดับเพลิงในรถ

ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเทศบาลเมืองจันทบุรี นายพงษ์พัฒน์ วงศ์ตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานทดสอบลูกบอลดับเพลิงในรถโดยสารสาธารณะ และเยี่ยมชมการติดตั้งลูกบอลดับเพลิงอัตโนมัติในรถตู้โดยสารสาธารณะ ที่ชมรมรถตู้โดยสารสาธารณะจันทบุรี บูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง โดยติดตั้งลูกบอลดับเพลิงอัตโนมัติภายในห้องเครื่องและห้องโดยสารเพื่อความปลอดภัย เพิ่มความเชื่อมั่นแก่ผู้โดยสารรถโดยสารสาธารณะ ถือเป็นจังหวัดแรกในการริเริ่มโครงการดังกล่าว เกิดจากการขับเคลื่อนของคณะทำงานของจังหวัดกับผู้ประกอบการรถตู้ โดยมีจักจั่น-อคัมย์สิริ สุวรรณศุข ดารา-นักแสดงชื่อดัง ผู้บริหารท้องถิ่น ประชาชนผู้โดยสารรถสาธารณะ ร่วมกิจกรรม

กลุ่มผู้ประกอบการรถตู้โดยสารสาธารณะ สาย 9907 จันทบุรี-กรุงเทพฯ (สายหมอชิต) ได้นำลูกบอลดับเพลิงแบบอัตโนมัติมาติดตั้งในรถตู้โดยสารสาธารณะ หลังเกิดเหตุการณ์รถตู้ประสบอุบัติเหตุชนประสานงากับรถกระบะพื้นที่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจในการใช้บริการรถตู้โดยสาร ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในเวลาต่อมา

โอดลดที่นั่งโดยสารเงินหายอื้อ

ที่ จ.ขอนแก่น นายวันชัย นามยา พนักงานขับรถตู้โดยสาร สาย 226 ขอนแก่น-อุดรธานี กล่าวว่า ทราบมาว่ามีกฎหมายกำหนดให้รถตู้โดยสารเหลือเพียง 13 ที่นั่ง เพราะทุกวันนี้รับผู้โดยสาร 14 ที่นั่ง คือห้องผู้โดยสาร 13 ที่นั่ง และคู่คนขับอีก 1 ที่นั่ง รวมเป็น 14 ที่นั่ง ถ้าลดผู้โดยสารคู่คนขับออกไป เหลือเป็น 13 ที่นั่ง มองว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เนื่องจากว่าผู้โดยสารนั่งข้างหน้าไม่ค่อยปฏิบัติตามกฎที่กำหนดไว้ อาทิ ห้ามเล่นโทรศัพท์และคุยโทรศัพท์ในขณะเดินทาง จะเป็นการสร้างความรำคาญให้กับผู้อื่น ทำให้เสียสมาธิขับรถ แต่ผู้โดยสารไม่ปฏิบัติตาม แม้กระทั่งเวลากลางคืน ผู้โดยสารนั่งด้านหน้าคู่กับพนักงานขับรถจะชอบเล่นโทรศัพท์ ทำให้แสงมันแยงตาเวลามองกระจกหลังด้านซ้ายมือ ทำให้ลำบากใจมากๆ

นายวันชัยกล่าวต่อว่า หากถามถึงผลกระทบด้านรายรับมีอยู่บ้าง หลายคนอาจจะคิดว่าลดลงไปเพียงที่นั่งเดียวคงไม่กระทบมากนัก แต่หากคิดในภาพรวมแล้ว รถตู้โดยสารขอนแก่น-อุดรธานี จะเก็บค่ารถคนละ 84 บาท เฉลี่ย 4 เที่ยวต่อวัน จะลดรายได้ไปเป็นเงิน 336 บาทต่อคัน แล้วผู้ประกอบการเดินรถมีรถในครอบครอง 10 คัน ถ้าคิดเป็นเงินต่อวันเป็นจำนวนมากเหมือนกัน ขณะนี้รอให้ติดตั้งระบบเครื่องรูดบัตรพนักงานขับรถจากขนส่งจังหวัดที่กำหนดไว้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image