เอปสัน รุกตลาด CLMV นำเสนอนวัตกรรมใหม่

ยรรยง มุนีมงคลทร

ในช่วงปีที่ผ่านมา ถือว่าเศรษฐกิจของไทยอาจจะไม่ค่อยดีเท่าที่ควร หากแต่ธุรกิจต่างๆ ก็ยังคงต้องดำเนินกันไปอย่างต่อเนื่อง แต่ละบริษัทก็จะมีกลยุทธ์เพื่อการเติบโตของบริษัทที่แตกต่างกันไป อย่างเช่น “เอปสัน” หนึ่งในบริษัทจากญี่ปุ่น ที่มีเทคโนโลยีโดดเด่นของตัวเองทั้งเรื่องพรินเตอร์และโปรเจ็กเตอร์ ก็เลือกที่จะมุ่งหน้าขยายฐานลูกค้าออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น และขอรักษาฐานที่มั่นในไทยเอาอย่างต่อเนื่อง

นายโตชิมิตสุ ทานากะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอปสัน สิงคโปร์ จำกัด เปิดเผยว่า เอปสันในฐานะบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ยังคงเดินหน้าด้วยวิสัยทัศน์ที่จะสร้างสิ่งของและคนให้เชื่อมโยงเข้ากันด้วยเทคโนโลยีที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ทั้งเครื่องพิมพ์ การสื่อสารทางภาพ อุปกรณ์สวมใส่ติดตัว และหุ่นยนต์แขนกล ซึ่งในส่วนของเครื่องพิมพ์นั้น เอปสันก็จะยังคงเดินหน้าพัฒนาต่อไปอย่างพิถีพิถัน ส่งเสริมการรีไซเคิล ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับการฉายภาพ นวัตกรรมสวมใส่ และหุ่นยนต์ ที่หวังว่าจะได้นำมาช่วยเหลือมนุษย์และในหลากหลายอุตสาหกรรม

โดยช่วงปีที่ผ่านมาเอปสันยังสามารถรักษาตำแหน่งเจ้าตลาดโปรเจ็กเตอร์ ด้วยส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกที่ 35.5% ขณะที่ตลาดโปรเจ็กเตอร์ตามบ้านที่อยู่อาศัยมีส่วนแบ่งถึง 39.9% และในส่วนของภูมิภาคอาเซียน เอปสันก็มีผลการดำเนินงานโดยรวมที่เติบโตขึ้น 14% ซึ่งเหตุที่เอปสันยังคงมีการเติบโตโดยรวมทั้งเป็นเพราะเอปสันไม่เคยหยุดพัฒนานวัตกรรม เพื่อช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ไทยได้รับผลกระทบจากสิ่งต่างๆ มากมาย ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ของไทยเติบโตแค่ 3.2% ขณะที่ตลาดไอทีของไทยไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ และติดลบ 14% ทั้งตลาดแท็บเล็ตและพีซี ในส่วนของพรินเตอร์ก็ยังคงทรงๆ อยู่ ไม่ได้ติดลบมาก แต่ก็ไม่ได้บวกมาก ส่วนประเทศอื่นๆ อย่างเวียดนาม ตลาดไอทีก็ติดลบเช่นกัน

Advertisement

สำหรับเอปสันประเทศไทย ซึ่งปีงบประมาณปิดสิ้นเดือนมีนาคมนี้ คาดว่าจะบวกแค่ 1% กว่าๆ เท่านั้น แต่ก็ถือว่าสอบผ่าน ขณะที่ตลาดต่างประเทศในกลุ่มซีแอลเอ็มวี (CLMV-กัมพูชา, ลาว, พม่า, เวียดนาม) ยังคงมีการเติบโตดีมาก

และแม้ว่าตลาดไอทีโดยรวมของไทยจะหดตัวลง แต่เอปสันยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีสินค้าพรินเตอร์เพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรมที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้มากที่สุด โตขึ้น 50% ตามมาด้วยโปรเจ็กเตอร์ที่ขายได้เพิ่มขึ้น 16% ส่วนอิงค์เจ็ตพรินเตอร์ มียอดขายทรงตัว แต่เอปสันยังครองส่วนแบ่งเป็นอันดับหนึ่งของตลาดพรินเตอร์ระบบแท็งก์ที่ 59%

ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มสินค้าพรินเตอร์เพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรมมาจากการที่มีผู้ประกอบการจำนวนมากขึ้นที่เริ่มนำระบบการพิมพ์แบบดิจิทัลเข้าไปใช้ในธุรกิจแทนที่ระบบอนาล็อก และมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นในพรินเตอร์ของเอปสันว่าสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการผลิต และลดต้นทุนในการดำเนินงาน

Advertisement

นอกจากนี้ เอปสันยังได้ออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องจนสามารถเจาะเข้าถึงธุรกิจหลายประเภทได้สำเร็จ ขณะเดียวกันโปรเจ็กเตอร์ของเอปสันมียอดขายเพิ่มขึ้น สวนทางกับตลาดโดยรวมที่ไม่มีการเติบโต อันเป็นผลมาจากการที่บริษัทสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง และยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งถึง 44% โดยใช้กลยุทธ์ในการออกสินค้าใหม่ และอัพเกรดสินค้าในพอร์ตอยู่เสมอ จนปัจจุบันมีโปรเจ็กเตอร์มากกว่า 60 รุ่นในตลาด บริษัทยังพยายามเข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย ทั้งองค์กรธุรกิจและผู้ใช้ตามบ้านผ่านช่องทางที่หลากหลาย ควบคู่กับการทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ความรู้ลูกค้าและกระตุ้นยอดขาย

ในส่วนของอิงค์เจ็ตพรินเตอร์ ปี 2559 เป็นปีที่ตลาดมีการแข่งขันกันรุนแรงมาก แต่เอปสันยังรักษาความได้เปรียบ เหนือคู่แข่งไว้ได้ ด้วยประสิทธิภาพของพรินเตอร์ที่สูงกว่าให้คุณภาพงานพิมพ์ที่ดีกว่า บวกกับไลน์สินค้ามากกว่าคู่แข่ง ซึ่งปัจจุบันเอปสันมี L-Series ในตลาดมากถึง 16 รุ่น มีทั้งรุ่นที่พิมพ์ได้ทั้ง A4 และ A3 เครื่องซิงเกิลฟังก์ชั่น มัลติฟังก์ชั่น เครื่องพิมพ์ขาวดำไปจนถึงรุ่นพิมพ์โฟโต้ 6 สี อีกทั้งทุกรุ่นยังได้รับการรับประกันค่าแรงและอะไหล่ทุกชิ้นส่วน รวมถึงหัวพิมพ์และแผ่นซับหมึกนาน 2 ปี หรือตามจำนวนพิมพ์ ซึ่งมากกว่าแบรนด์อื่นในตลาด นอกจากนี้ ในปัจจุบันอิงค์เจ็ตพรินเตอร์ระบบแท็งก์หรืออิงค์แท็งก์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วครองสัดส่วนถึง 59% ของตลาด อิงค์เจ็ตพรินเตอร์ทั้งหมด และยังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในตลาดเอสเอ็มอีและองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งหมายถึงโอกาสในการเติบโตระยะยาวของ L-Series

สำหรับผลประกอบการของตลาดต่างประเทศภายใต้การดูแลของเอปสัน ประเทศไทย ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และปากีสถาน ยอดขายโดยรวมในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 18% ซึ่งมีตลาดพม่าเติบโตอย่างโดดเด่นที่สุดที่ 30% ตามมาด้วยลาวและเวียดนามที่ 20%

นายยรรยงกล่าวถึงทิศทางธุรกิจของบริษัทว่า สำหรับเอปสัน กระแสการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ เป็นทั้งเรื่องท้าทายและโอกาสที่ดีในการขยายธุรกิจ บริษัท ได้ตั้งเป้าเติบโตโดยรวมไว้ที่ 7% ซึ่งมาจากยอดขายในตลาดประเทศไทยที่คาดว่าจะโตเพิ่มขึ้น 5% และตลาดต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 15% บริษัท ยังได้กำหนดแนวทาง การดำเนินธุรกิจในภูมิภาคนี้ โดยมุ่งเน้นที่จะพัฒนาใน 4 ด้าน ได้แก่ International Business, Core Business, Business Solution และ Business Revolution

ด้าน International Business หรือธุรกิจในตลาดต่างประเทศ เอปสันจะยกระดับความเข้มข้นในการทำการตลาด ในตลาดซีแอลเอ็มวีมากยิ่งขึ้น

สำหรับ Core Business หรือธุรกิจหลัก เอปสันจะยังมุ่งรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดทั้งในส่วน ของ L-Series และโปรเจ็กเตอร์ต่อไปผ่านกิจกรรมการตลาดและสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ

ด้าน Business Solution หรือโซลูชั่นทางธุรกิจ เอปสันจะทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ใหม่ในการพัฒนาโซลูชั่นบนคลาวด์และโมบายโซลูชั่น ทั้งสำหรับเครื่องพิมพ์ประเภทต่างๆ และแว่นตาอัจฉริยะของเอปสัน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ

และด้าน Business Revolution หรือการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ เอปสันมีนโยบายที่จะนำนวัตกรรม พร้อมเปิดสายธุรกิจใหม่ในตลาด ทั้งอิงค์เจ็ตพรินเตอร์ความเร็วสูงที่จะเข้ามาแข่งขันโดยตรงกับเลเซอร์พรินเตอร์ นวัตกรรมหุ่นยนต์แขนกลเพื่อรุกตลาดอุตสาหกรรมและโรงงานผลิต และโปรเจ็กเตอร์เชิงธุรกิจที่ได้รับการพัฒนาให้มีขนาดที่กะทัดรัด ติดตั้งง่าย และใช้งานได้ด้วยระบบสัมผัส หรือ Gesture Presenter

“เอปสันมีแผนที่จะสร้างแคมเปญต่อเนื่องในปีต่อไป เพื่อเข้าถึงลูกค้าในทุกธุรกิจมากขึ้น ทำให้ลูกค้าเข้าใจถึง จุดเด่นของนวัตกรรมของเรา รวมถึงปรัชญาและที่มาของความมุ่งมั่นทุ่มเท และวิสัยทัศน์ของบริษัท อีกทั้งจะขยายขอบเขตการดำเนินงานไปยังตลาดซีแอลเอ็มวีด้วยเช่นกัน” นายยรรยงกล่าวทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image