เมื่อวันที่ 15 เมษายน นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และร่าง พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.วันที่ 20 เมษายนนี้ว่า กฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันว่าหากมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อใดก็ต้องคิดค้นและจัดทำนโยบายให้สอดคล้อง และเป็นไปตามที่กฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีกำหนดไว้ ซึ่งกฏหมายดังกล่าวถือเป็นกรอบและแนวทางที่บังคับให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอนาคตจะต้องทำนโยบายนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง จะทำอะไรที่นอกเหนือจากนั้นไม่ได้ ขณะเดียวกันตนคิดว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวที่กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองไว้ข้างหน้า 20 ปี จะสอดคล้องกับบริบทบ้านเมืองและบริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาเรามีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่กำหนดกรอบแนวทางที่จะปรับเปลี่ยนไปทุกๆ 5 ปี เป็นเสมือนเข็มทิศนำทางที่สามารถปรับเปลี่ยน ยืดหยุ่นได้ แต่ไม่ได้กำหนดว่ารัฐบาลจะต้องทำตามทุกอย่างเหมือนเช่นกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีแต่อย่างใด
นายสามารถกล่าวต่อว่า กฎหมายฉบับนี้ตนมีความเป็นห่วงและกังวลใจเป็นอย่างยิ่งว่า การที่กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาล่วงหน้าในอนาคต 20 ปี จะสอดคล้องกับบริบทโลก และบริบทสังคมที่ปรับตัวไปตามยุคสมัยได้หรือไม่ ทั้งยังเป็นห่วงว่าอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า หากเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ กรอบแนวทางที่ถูกกำหนดไว้ในกฎหมายฉบับนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนั้นได้จริงหรือไม่
“น่าวิตกจริงๆ กฎหมายฉบับนี้ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันแก้ไขได้ยากมาก และก็สายเกินไปแล้วที่เราจะแก้ไขได้ ซึ่งผมได้แสดงความคิดเห็นคัดค้านไปแล้ว ซึ่งต่อจากนี้ไปเราคงทำได้เพียงแสดงความห่วงใยเท่านั้นที่รัฐบาลชุดต่อไปมีความยากลำบาก หากเกิดวิกฤตบ้านเมืองอะไรขึ้นมาแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ ผมเกรงว่าปัญหาต่างๆ จะกลับมาเหมือนเดิมอีก มีการยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญ เว้นเสียแต่ทุกภาคส่วนในสังคมเห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องแก้รัฐธรรมนูญก็สามารถช่วยแก้ไขวิกฤต ถ้าสามารถทำได้จริงๆ แต่ผมคิดว่าคงทำยาก” นายสามารถกล่าว
