อึดอัด แหลมคม ‘หมา’ตาย’เห็บ’โดด โดดจาก เรือแป๊ะ

ประหนึ่งว่าปรากฏการณ์ในแบบ “หมาตายเห็บโดด” จะเผยแสดงอย่างอึกทึกครึกโครมในกรณีของร่างกฎหมาย “ควบคุมสื่อ”

เห็นได้จากท่าทีของ นายสุทธิชัย หยุ่น

เมื่อประสานเข้ากับท่าทีของ นายมานิจ สุขสมจิตร และท่าทีของ นายคำนูณ สิทธิสมาน ยิ่งมีความเด่นชัด

อาจใช่ใน “ภาพ” ที่ปรากฏ

Advertisement

แต่หากติดตาม “สถานการณ์” แต่ละสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเกาะติดก็จะสัมผัสได้ตั้งแต่กรณีของ “บรรษัทน้ำมันแห่งชาติ”

นั่นคือ การแสดงตัวของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล

ยิ่งเมื่อผ่านเข้าสู่คำสั่งมาตรา 44 ว่าด้วยรถกระบะ ผ่านเข้าสู่กรณีหมุดหน้าใสผ่านเข้าสู่กรณีเรือดำน้ำ ผ่านเข้าสู่กรณีร่าง พ.ร.บ.ควบคุมและมัดตราสังสื่อ

ผู้คนก็เริ่มรับรู้ในเรื่อง “หมาตาย เห็บโดด”

สํานวน “หมาตาย เห็บโดด” เป็นสำนวนไทย รับรู้กันในหมู่ข้าราชการโดยเฉพาะข้าราชการทหารในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคม

จะเกิดปรากฏการณ์ “หมาตาย เห็บโดด” กันอย่างคึกคัก

เพราะเดือนกันยายนเป็นการหมดสิ้นปีงบประมาณ บรรดาข้าราชการที่อายุครบ 60 จะต้องเกษียณจากราชการ แล้วเดือนตุลาคมเป็นจุดนับ 1

เดือนกันยายนจึงมากด้วยความเคลื่อนไหว

เคลื่อนไหวผละจากคนที่จะต้อง “เกษียณ” ต้องพ้นจากตำแหน่ง กระโดดเข้าไปยัง “คนใหม่” ที่จะเข้ามาแทนที่

เหมือนกับจะสัมผัสได้จากกรณี “บรรษัทน้ำมันแห่งชาติ”

แต่หากจับเอาแต่ละสถานการณ์เข้ามาผนวกรวมและจัดระบบก็จะรับรู้ว่าเรื่องเหล่านี้เด่นชัดอย่างยิ่งในเดือนเมษายน

เป็นบรรยากาศแห่ง “รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560”

จากสถานการณ์ “รถกระบะ” สะท้อนความรัดกุมในการบริหารจัดการ จากสถานการณ์ “เรือดำน้ำ” สะท้อนลักษณะลับสุดยอด ประทับตราริมแดง

มาถึงสถานการณ์ร่างกฎหมาย “ควบคุมสื่อ” เปิดหน้าเต็มพิกัด

ความน่าสนใจของแต่ละ “สถานการณ์” อันเผยแสดงต่อสังคมดำเนินไปอย่างมากด้วยความละเอียดอ่อน มากด้วยลักษณะยืดโยงและสัมพันธ์

“เรือดำน้ำ” โยงไปยัง “เรือเหาะ” โยงไปยัง “จีที 200”

“รถกระบะ” แม้จะเป็นเรื่องสงกรานต์ แต่กลับโยงไปยัง “วัดพระธรรมกาย” เพราะมีรากฐานมาจากมาตรา 44 เหมือนกัน

มาตรา 44 สัมพันธ์กับมาตรา 17 ยุค “สฤษดิ์”

ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมสื่อยิ่งมากด้วยความวิลิศมาหรา ทั้งสัมพันธ์กับประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 17 และการมัดตราสังวิชาชีพ “สื่อ”

บรรดา “เห็บ” ที่เคยเกาะจึงเริ่ม “หงุดหงิด”

ลองไปดูเส้นสายตั้งแต่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เรื่อยมาจนถึง นายมานิจ สุขสมจิตร และ นายคำนูณ สิทธิสมาน

ล้วนแต่เป็น “คนกันเอง” ล้วนแต่เป็น “พวกเดียวกัน” มาก่อน

ทั้งหมดนี้มิได้มีจุดเริ่มมาจากพรรคเพื่อไทย มิได้มีจุดเริ่มมาจากคนเสื้อแดงหรือ นปช.อย่างที่เข้าใจ

ตรงกันข้าม บางคนเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี บางคนเคยเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ บางคนเป็นนักลากตั้งอาชีพตั้งแต่หลังรัฐประหาร 2549 เรื่อยมาจนถึงหลังรัฐประหาร 2557

กินน้ำร่วมท่า กินปลาร่วมหนองกันมา

แต่ ณ วันนี้ เริ่มอึดอัด ทนไม่ได้และจำเป็นต้องแสดงออกคัดค้าน ต่อต้าน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image