สำหรับเกมกีฬาที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนอย่าง กอล์ฟ นั้น ความเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยอาจส่งผลโดยตรงกับฟอร์มการเล่นและผลงานในการแข่งขัน บ่อยครั้งนักกอล์ฟจึงมักเลี่ยงที่จะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ตัวเองคุ้นเคย ยกเว้นแต่ว่าจะเริ่มถึงทางตันในฟอร์มปัจจุบันของตัวเอง
เช่นตอน รอรี่ แม็คอิลรอย อดีตมือ 1 ของโลกชาวไอร์แลนด์เหนือ เปลี่ยนไปใช้ไม้ของแบรนด์ ไนกี้ ต้นปี 2013 ทำเอาฟอร์มที่เคยมาดีๆ สะดุดไปตลอดทั้งปี หรืออย่าง ไทเกอร์ วู้ดส์ โปรดังชาวอเมริกัน เปลี่ยนทั้งโค้ชวงสะวิงและแคดดี้มาหลายครั้งหลังเผชิญมรสุมชีวิตเมื่อปลายปี 2009 เพราะหาคนที่ถูกใจไม่ได้เสียที
อย่างไรก็ตาม กรณีของ ลิเดีย โค โปรกอล์ฟสาวมือ 1 ของโลกชาวนิวซีแลนด์ออกจะต่างออกไป เนื่องจากค่อนข้างจะคุ้นชินกับ “ความเปลี่ยนแปลง” อย่างมาก ตัวอย่างชัดเจนคือหลังเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ในปีนี้ โคตัดสินใจเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของตัวเองยกเซต ตั้งแต่ไม้กอล์ฟยี่ห้อใหม่ (จาก กัลลาเวย์ เป็น พีเอ็กซ์จี), โค้ชสะวิงคนใหม่ (จาก เดวิด เล็ดเบทเตอร์ เป็น แกรี่ กิลคริสต์) รวมทั้งแคดดี้คนใหม่
กรณีหลังนั้นค่อนข้างจะพิเศษ เพราะวันนี้ในวัย 20 ปี โคว่าจ้างแคดดี้คนปัจจุบันเป็นคนที่ 10 เข้าไปแล้ว!
แม้ตัวเลขจะค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับอายุงานของโคในฐานะนักกอล์ฟอาชีพ แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่อยากให้สื่อและแฟนๆ ด่วนสรุปว่าเป็นความผิดพลาดแต่อย่างใด โดยอธิบายว่าสมัยยังเป็นมือสมัครเล่น ยังไม่ได้คิดเรื่องแคดดี้จริงจังเพราะส่วนใหญ่มักเป็นพ่อแม่หรือเพื่อนสนิทมาทำหน้าที่ถือถุงให้
พอเริ่มต้นออกทัวร์อาชีพใหม่ๆ ก็ทดลองใช้แคดดี้หลายคนเพราะยังไม่รู้ว่าคุณสมบัติของคนแบกถุงที่เธอมองหาควรเป็นอย่างไร กระทั่งว่าจ้าง เจสัน แฮมิลตัน เป็นแคดดี้เต็มเวลาคนแรกช่วงปลายฤดูกาล 2014 หลังจากลองผิดลองถูกกับแคดดี้ไปรวมแล้ว 7 ราย
แฮมิลตันมีส่วนช่วยให้โคคว้าแชมป์ 10 จากทั้งหมด 14 รายการที่เธอทำได้ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่าง 2 แชมป์เมเจอร์ ดิ เอวิยอง แชมเปี้ยนชิพ ปี 2015 และ เอเอ็นเอ อินสไพเรชั่น ปี 2016
กระทั่งเดือนตุลาคมปีที่แล้ว หลังจากห่างแชมป์อยู่นาน 3 เดือน โคก็ตัดสินใจเลิกจ้างแฮมิลตัน ซึ่งช่วงที่กำลังมองหาคู่หูคนใหม่ เธอตัดสินใจใช้บริการแคดดี้ท้องถิ่นชั่วคราวในศึก ไซม์ ดาร์บี้ ที่ประเทศมาเลเซีย ก่อนจะลงเอยที่ แกรี่ แม็ทธิวส์ แคดดี้มากประสบการณ์ที่มีชื่อเล่นให้วงการว่า “แอนิมอล”
โคกับแม็ทธิวส์ร่วมงานกัน 9 ทัวร์นาเมนต์ ก่อนตัดสินใจมองหาความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง โดยหันไปว่าจ้าง ปีเตอร์ ก็อดฟรีย์ เจ้าของรางวัลแคดดี้ยอดเยี่ยมแห่งปี 2016 หลังถือถุงให้ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟสาวชาวไทยคว้าแชมป์เมเจอร์ วีเมนส์ บริติช โอเพ่น เมื่อปีที่แล้ว
เนื่องด้วยก็อดฟรีย์เป็นสามีของ เจน ปาร์ก เพื่อนร่วมทัวร์ที่สนิทสนมกับทั้งโคและโปรเมประหนึ่งพี่สาว ทั้งคู่จึงคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่ง หลังจากเลิกถือถุงให้เอรียาเมื่อจบปี 2016 ก็หันไปร่วมงานกับ จาง ฮานา โปรดังชาวเกาหลีใต้อยู่พักหนึ่ง และตอนนี้ได้กลายมาเป็นแคดดี้คนที่ 10 ของโคไปเรียบร้อย (หรือถ้านับแคดดี้ท้องถิ่นที่มาเลเซียเข้าไปด้วย ก็จะเป็นคนที่ 11)
อย่างไรก็ตาม การปลดแคดดี้หนล่าสุดของโปรสาวแดนกีวีค่อนข้างเป็นประเด็นใหญ่โตเพราะแม็ทธิวส์มีชื่อเสียงในวงการพอสมควร และไม่ลังเลที่จะให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
แม็ทธิวส์บอกว่า จู่ๆ หลังจบการแข่งขัน ล็อตเต้ แชมเปี้ยนชิพ ที่โคคว้าตำแหน่งรองแชมป์ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากเอเยนต์ของโคบอกว่าไม่ต้องไปทำงานแล้ว ทั้งที่ตลอดเวลาที่ร่วมงานกันไม่คิดว่ามีปัญหาอะไรเลย หลังจากนี้อยากให้โคปรับตัวเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นกับแคดดี้ให้มาก ไม่เช่นนั้นก็คงต้องเปลี่ยนตัวไปเรื่อยๆ แบบนี้
ขณะที่แคดดี้คนหนึ่งให้สัมภาษณ์ อีเอสพีเอ็น แบบไม่ขอเปิดเผยชื่อว่า สถานการณ์ของโคถือเป็นเรื่องแปลก เพราะไม่ได้มีข่าวเรื่องทำหน้าที่บกพร่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ซึ่งเธอยังครองบัลลังก์มือ 1 ของโลก (แม้จะโดนโปรเมกับ รยู โซยอน มือ 2 โลกไล่บี้ค่อนข้างกระชั้น) ก่อนจะทิ้งท้ายว่าบางทีปัญหาอาจอยู่ที่บุคลิกหรือนิสัยของตัวนักกอล์ฟเอง
ในประเด็นนี้โคชี้แจงว่า สิ่งที่เธอมองหาในตัวแคดดี้นั้นมากกว่าความสามารถการอ่านกรีนหรือเช็กเลย์เอาต์ของสนาม เรื่องนิสัยก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเวลาอยู่ในสนาม เธอติดนิสัยชอบพูดคุยกับคนรอบข้างอยู่ตลอดเวลา
“เวลาเล่นไม่ดี ฉันอยากให้ใครสักคนบอกว่า ‘นี่ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวหลุมหน้าก็ทำเบอร์ดี้ได้แล้ว’ ไม่ก็ ‘เดี๋ยวค่อยมาเอาคืนกันรอบหน้าก็ได้’ ทำนองนั้นค่ะ คือเป็นคนที่คิดบวก หรือช่วยเรียกความมั่นใจระหว่างแข่งได้ หวังว่าการร่วมงานกับปีเตอร์ (ก็อดฟรีย์) จะไปได้สวย”
เพราะถ้าเกิดไม่ “คลิก” กันขึ้นมา ก็ดูท่าว่าจะต้องมองหาแคดดี้คนที่ 11…12…13…หรืออีกไม่รู้เท่าไรในอนาคต!
