เก่งอย่างเดียวไม่พอ! ‘ฉลาดเกมส์โกง’ สนุกตื่นเต้น จิกกัดการศึกษาไทยได้อย่างเจ็บแสบ

หลังส่ง “เคาท์ดาวน์” มาสร้างความฮือฮาไปเมื่อ 5 ปี ก่อน บาส – นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ก็กลับมาอีกครั้งพร้อมหนังไทยสุดแหวกแนว “ฉลาดเกมส์โกง” ที่เรียกความสนใจได้ดีตั้งแต่แรกที่เห็นตัวอย่าง ด้วยพล็อตเรื่องที่ว่าถึงการโกงข้อสอบของเด็กไทย

ภารกิจการโกงเริ่มต้น เมื่อ “ลิน” เด็กสาวหัวดี นักเรียนทุนของโรงเรียน อยากช่วย “เกรซ” เพื่อนสนิทที่เก่งกิจกรรมแต่ผลการเรียนไม่ค่อยดี จนเรื่องรู้ถึง “พัฒน์” เด็กบ้านรวยที่คิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างแม้กระทั่งเกรดดีๆ เขาจึงเปลี่ยนการโกงข้อสอบเป็นธุรกิจใหญ่ด้วยการเสนอให้ลิน โกงข้อสอบ STIC ซึ่งเป็นการสอบเพื่อใช้คะแนนยื่นเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก ที่นักเรียนทุกประเทศต้องสอบในเวลาเดียวกัน โดยชักชวน ”แบงค์” นักเรียนทุนคู่แข่ง ที่เกลียดการโกงเป็นชีวิตจิตใจ แต่มีปัญหาด้านทุนทรัพย์มาร่วมขบวนการเพื่อแลกกับเงินก้อนโต

ทั้งคู่จึงเดินทางไปสอบยังซิดนีย์ ออสเตรเลีย ที่เวลาเร็วกว่าประเทศไทย 4 ชม. เพื่อส่งคำตอบกลับมา แล้วภารกิจการโกงข้อสอบข้ามประเทศก็เริ่มต้นขึ้นด้วยความระทึก

Advertisement

แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่พวกเขาทำมันผิด แต่ทุกจังหวะการโกงล้วนตื่นเต้นและชวนให้เอาใจช่วยร่วมลุ้นไปกับตัวละคร ด้วยการดำเนินเรื่องที่สนุก กระชับ และบทหนังที่ดีเยี่ยม รวมถึงตื่นตาไปกับความฉลาดและสารพัดวิธีการโกงที่เห็นแล้วต้องพูดว่า “คิดได้ไง” เพราะมันล้ำมาก!

ขณะที่การแสดงของนักแสดงนำทั้ง 4 คนก็สอบผ่านฉลุย โดยที่ประทับใจคือ ออกแบบ – ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง ผู้รับบทลิน ที่เอาอยู่ทุกตอนที่ปรากฎตัว รวมถึง เอก – ธเนศ วรากุลนุเคราะห์  ที่แสดงความรู้สึกต่างๆ หลังรู้ภารกิจการโกงของลูกสาวในฐานะ “ครู” และ “พ่อ” ได้อย่างสะเทือนใจ

หากเป็นคนหนึ่งที่เรียนโรงเรียนไทย และเข้าสอบในระบบการศึกษาไทย คงจะอินไปกับหนังได้ไม่ยาก เพราะนอกจากจะเล่าเรื่องที่นักเรียนไทยทุกคนต้องเคยเจอ หนังยังจิกกัดระบบการศึกษาไทยได้อย่างเจ็บแสบ ทั้งการยอมจ่ายเงินเรียนพิเศษแพงๆ เพื่อให้ได้คะแนนดี , การเรียกเก็บค่าบำรุงการศึกษาที่แพงหูฉี่แม้จะบอกว่าเรียนฟรี , ความล้มเหลวในการปลูกฝังจริยธรรมสร้างคนดีมากกว่าการสร้างคนเก่ง ฯลฯ

เมื่อสังคมวัดค่าคนด้วยผลคะแนนที่สวยงาม ทุกคนจึงยอมทำทุกวิถีทางเพื่อมีคะแนนดีๆ ไว้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะพยายามทำด้วยตัวเอง หรือลอกคนอื่นก็ตาม

และหากเรายอมโกง แอบลอกข้อสอบจนได้คะแนนดี ได้เรียนมหาวิทยาดังๆ แต่ไม่มีความรู้จริงๆ เราภูมิใจกับมันได้จริงหรือ?

สิ่งที่มากกว่านั้น หนังกำลังพูดถึงการ “โกง” ในสังคม ที่เกิดขึ้นจากชุดความคิดว่าการโกงไม่ผิด หากได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

แม้ว่าเราจะเล่นตามกติกา ทำตามศีลธรรมอันควร แต่บางครั้ง “ชีวิต” ก็เหมือนจะ “โกง” เราอยู่ดี เมื่อคนเราเกิดมามีต้นทุนชีวิตที่ต่างกัน บางชีวิตแทบไม่มีทางเลือกให้เดิน

ถึงอย่างนั้น ชีวิตก็มีทางให้เลือกเดินเสมอ อยู่ที่เราจะเลือกไปทางไหน เพราะในชีวิตจริงนอกห้องสอบ มันไม่มีคำตอบถูก-ผิด แต่เมื่อเลือกแล้ว เราต้องยอมรับผลของมันให้ได้ ไม่ว่าจะร้ายหรือดี

นอกจากนี้ หนังยังชี้ให้เห็นด้วยว่า แม้การศึกษาจะเป็นหน้าที่ของครูและโรงเรียน แต่การปลูกฝังความเชื่อ ทัศนคติต่างๆ ล้วนเริ่มต้นมาจาก “ครอบครัว” เป็นสำคัญ

วันนี้เราได้สอนลูกดีพอหรือยัง เราใส่ใจลูกมากเพียงพอไหม เราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกต้องกดดันตัวเองเพื่อเป็นที่หนึ่งหรือไม่

นั่นคือคำถามที่หนังฝากไปถึงทุกคน

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image