ผู้เขียน | อรพรรณ จันทรวงศ์ไพศาล |
---|
โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง หรือ ไฮสปีดเทรน (High Speed Rail – HSR)นับเป็นยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมของประเทศ ที่ผ่านมามีการเสนอโครงการก่อสร้างและพัฒนาระบบโดยมีต้นแบบจากประเทศต่างๆ จำนวนมาก
แต่ที่มีการพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มีความกังวลเรื่องความปลอดภัย และคุณภาพเมื่อเทียบกับ “ระบบราง” จากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี อังกฤษ ฝรั่งเศส หรือ เยอรมนี
เมื่อมีตัวเลือกมากมาย การที่ประเทศไทยมือร่วมมือกับประเทศจีนจึงเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นไม่น้อย
และเพื่อให้เกิดความมั่นใจทุกฝ่าย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องศึกษาข้อมูลรอบด้าน และบุกไปถึงแหล่งผลิตจริง
ดังนั้นคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครนำโดย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ นายพินิจ จารุสมบัติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน พร้อมด้วย บัณฑิต ศิริตันหยง ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทวิสาหกิจของ กทม. ที่ดูแลระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร จึงทางเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถไฟใต้ดิน และ รถไฟฟ้าความเร็วสูง บริษัท ซีอาร์อาร์ซี ซื่อฟาง ณ เมืองชิงเต่า มณฑลซานตง สาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยมี หม่า หยุนชวง ผู้จัดการใหญ่บริษัท ซีอาร์อาร์ซี ชิงเต่า ซื่อฟาง และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและพาเยี่ยมชมโรงงานผลิต และจุดทดสอบการทำงานของรถไฟฟ้าด้วย
เจ้าหน้าที่ซีอาร์อาร์ซี ชิงเต่า ซื่อฟาง อธิบายว่า โรงงานแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2443 เป็นบริษัทผลิตรถไฟที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลก ยังเป็นผู้ผลิต รถไฟความเร็วสูง รถไฟใต้ดิน รถไฟฟ้า รางรถไฟ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ทั้งยังเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการคมนาคมชั้นแนวหน้าของจีน นอกจากนี้ยังมีคู่ค้าทั้งในจีนและต่างประเทศ เช่น รถไฟใต้ดินปักกิ่ง เฉิงตู เสิ่นหยาง เทียนจิน รถไฟอิรัก อาร์เจนตินา สิงคโปร์ ทั้งยังมีพันธมิตรจาก แคนาดา (Bombardier Transportation) ญี่ปุ่น (Kawasaki Heavy Industries)
“ซีอาร์อาร์ซี ชิงเต่า ซื่อฟาง ผลิตรถไฟหลายรูปแบบ ในช่วงแรกเราเริ่มต้นจากการนำเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาใช้พัฒนาเทคโนโลยีของจีนให้ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความเร็ว ส่วนวัสดุที่นำมาใช้ในโรงงานส่วนใหญ่สามารถผลิตได้ที่ประเทศจีน มีเพียงส่วนน้อยที่ต้องสั่งเข้ามา โดยมีการคัดคุณภาพเป็นอย่างดี ทั้งนี้ซีอาร์อาร์ซี ชิงเต่า ซื่อฟางนอกจากจะมีส่วนวิศวกรรมผลิตที่จะสร้างโบกี้และประกอบรวมแล้ว ยังมีสถานที่ทดลองระบบโดยจำลองจากสถานการณ์จริง ว่ารถไฟสามารถทำงานได้จริง เช่น จำลองการลอดอุโมงค์รถไฟ จะมีผลกับผู้โดยสารในเรื่องเสียงและความดันอากาศหรือไม่” เป็นคำอธิบายขณะเยี่ยมชมในส่วนต่างๆ ที่มีการทำงานอย่างเป็นระบบ
หลังการศึกษาและเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถไฟ บัณฑิต ศิริตันหยง เป็นตัวแทน “กรุงเทพธนาคม” ได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent หรือ LOI) กับ สิง ลู่เจิ้ง ประธานบริษัท การก่อสร้างและการลงทุนกลุ่มเมืองชิงเต่า (Qingdao City Construction Investment Group) เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศ การอบรมพนักงาน การลงทุน และด้านอื่นๆ เพื่อที่ทั้งสองฝ่ายจะได้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน
บัณฑิต เล่าถึงความเป็นมาก่อนการลงความ ในหนังสือแสดงเจตจำนงครั้งนี้ว่า ตามนโยบายของกรุงเทพมหานคร ให้กรุงเทพธนาคม ทำภารกิจดูแลรถไฟฟ้าใน กทม. ทั้งเรื่องอัตราค่าโดยสาร ต้นทุน รวมถึงการพัฒนาเส้นทางและรูปแบบต่อไป จะทำอย่างไรให้มีการลงทุนที่สมเหตุสมผลไม่ใช่ราคาสูงเกินไป จึงได้พูดคุยกับหลายบริษัทในกลุ่มที่ทำเกี่ยวกับการขนส่งและการคมนาคม และเห็นว่าบริษัทที่ชิงเต่า ในฐานะที่มีความร่วมมือกันมายาวนานมีความน่าสนใจ
“พอมาดูที่ ซีอาร์อาร์ซี ชิงเต่า ซื่อฟาง ก็เห็นเรื่องกระบวนการและการพัฒนารถไฟ ซึ่งเขามีอุตสาหกรรมที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก และมีการดำเนินการ รูปแบบ ตลอดจนการป้องกันภัยที่ดีมาก จึงมีการหารือและลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง ด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาต่างๆ ไปในทิศทางที่มีมาตรฐานมากกว่าเดิม การเดินทางครั้งนี้จึงมีการลงนามที่จะพัฒนา ต่อยอดร่วมกันต่อไปในอนาคต” บัณฑิต อธิบาย
สำหรับข้อกังวลต่างๆ ที่เกิดขึ้นหากมีความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน นั้น บัณฑิต บอกว่า จากการมาเยี่ยมชมอุตสาหกรรมการผลิตรถไฟที่เมืองชิงเต่า การันตีได้ว่าวันนี้เขาไปไกลแล้ว คุณภาพของรถไฟจีนขายไปทั่วโลก มีการผลิตถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของรถไฟทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศแมกซิโก อินโดนีเซีย ขณะที่รถไฟในประเทศจีนเองปัจจุบันมีรถไฟความเร็วสูงประมาณ 24,000 กิโลเมตร และเขากำลังจะขยายออกไปอีก 15,000 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อรถไฟไปยังต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นเยอรมันและรัซเซียแล้ว และอนาคตจีนกำลังจะทำรถไฟไปถึงอังกฤษ ผ่าน 16 ประเทศ
“แล้วเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น เรื่องความปลอดภัยของรถไฟจีนสูงมาก อาจจะมากกว่าประเทศที่เคยทำรถไฟในระดับท็อปด้วยซ้ำ เช่นเปรียบเทียบกับ ชินคันเซ็น ของประเทศญีปุ่น 3 -4 ปีมานี้มีอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถไฟ 2 ครั้ง ขณะที่จีน มีอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถไฟ 3 ครั้ง แต่ชินคันเซน มีระยะทางแค่ 6,000กิโลเมตร แต่รถไฟความเร็วสูงของจีนมีระยะทางประมาณ 24,000 กิโลเมตร ซึ่งเฉลี่ยเรื่องความปลอดภัยถือว่ามากกว่า และเรื่องค่าโดยสารต้นทุนและความนิ่งตอนนี้ไม่แพ้กันเลย อาจจะมีเรื่องของการพัฒนาความเร็วเท่านั้น” บัณฑิต
และว่า หลังจากนี้กรุงเทพธนาคมจะต้องดูเรื่องรูปแบบและต้นทุน เพื่อที่ต่อไปไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีอะไรก็ตามที่จะเข้ามาดำเนินการ จะมีธงแล้วว่าจะมีต้นทุนต่อกิโลเมตรเท่าไหร่ ค่าโดยสารจะเป็นแบบไหน อีกทั้งในอนาคตมองว่าจะมีรถไฟความเร็วสูงวิ่งมาจากหลายจังหวัด เช่น สายตะวันออก สายโคราช ที่ตอนนี้ได้ศึกษาไปค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว ยังมีสายอื่นๆ อีกที่จะลำเรียงคนเข้าสู่กรุงเทพฯ ก็เป็นเรื่องที่จะต้องคิดกันต่อไปเพราะคนที่จะเข้ามามีปริมาณมาก เปรียบเหมือนคนวิ่งมาด้วยรถสิบล้อพอมาถึงกรุงเทพเหลือแค่รถเล็กๆ อย่างรถตู้ ตรงนี้จะจัดการเรื่องการคมนาคมอย่างไร สถานีเชื่อมต่อจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องคิดตั้งแต่วันนี้
บัณฑิต ทิ้งท้ายอีกว่า ถ้าเราสามารถพัฒนาระบบขนส่งมวลชน พัฒนารถไฟได้ทั้งระบบเมื่อไหร่ คนจะใช้รถยนต์น้อยลงและหันมาใช้รถสาธารณะมากขึ้น จะช่วยแก้ปัญหาการจราจรและยังเป็นประโยชน์เรื่องลดการนำเข้าน้ำมัน ดังนั้นการพัฒนาระบบรถไฟจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด
เป็นอีกความเห็นเรื่องรถไฟความเร็วสูงที่ยังต้องศึกษากันต่อไป เพราะระบบรางเป็นเรื่องใหญ่และเป็นก้าวสำคัญของประเทศ