หลังจากที่กรมธนารักษ์ ได้ดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ประเภทโครงการเช่าระยะสั้น บนแปลงที่ราชพัสดุหมายเลขทะเบียนที่ กท.2615 แขวงสามเสนใน เขตพญาไทย กรุงเทพฯ (ซอยพหลโยธิน 11) ซึ่งเป็นการหาผู้ลงทุนมาดำเนินก่อสร้าง โดยได้มีการคัดเลือกบริษัท ปักกิ่ง เออร์บัน คอนสตรัคชั่น ยาไถ่(ไทย) คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้ได้คะแนนประเมินลำดับที่ 1 ก่อนที่บริษัท ปักกิ่ง เออร์บัน คอนสตรัคชั่น ยาไถ่(ไทย) คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป จำกัด จะทำหนังสือถึงกรมธนารักษ์ ขอโอนสิทธิในการลงนามสัญญา ให้กับบริษัท จูโน่ พาร์ค จำกัด ซึ่งกรมธนารักษ์อนุญาตให้ดำเนินการได้นั้น
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีการพิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องของคุณสมบัตรผู้ที่เสนอโครงการนั้น มีการระบุเพียงเป็นนิติบุคคล มีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท และต้องไม่เคยทิ้งงานก่อสร้างของราชการ แต่สตง. เห็นว่าเป็นคุณสมบัติที่ไม่ครบถ้วน เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นการสร้างอาคารขนาดใหญ่ แต่ไม่คำนึงถึงประสบการณ์ของผู้เสนอโครงการ อีกทั้งหลังจากที่บริษัท ปักกิ่ง เออร์บัน คอนสตรัคชั่น ยาไถ่(ไทย) คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป จำกัด ได้โอนสิทธิให้กับบริษัท จูโน่ พาร์ค จำกัด ซึ่งจากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจนั้น ประกอบกิจการด้านการส่งเสริม ฝึกทักษะการพัฒนาของเด็กโดยทั่วไป และให้บริการวางระบบและออกแบบสถานที่ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร ดังนั้นอาจก่อให้เกิดความเสียหาย ไม่บรรลุผลตามนโยบายของรัฐบาลได้ นอกจากนี้การกระทำดังกล่าวดูไม่เป็นธรรมกับผู้ที่เสนอโครงการรายอื่นๆ เพราะบริษัท จูโน่ พาร์ค จำกัด ไม่ได้เป็นผู้เสนอโครงการแต่แรก
ขณะที่กรมธนารักษ์เองไม่ได้มีการพิจารณาถึงความเหมาะสมของโครงการกับพื้นที่ตั้ง เนื่องจากโครงการดังกล่าวอยู่ในซอยแคบความกว้างของถนนเพียงรถยนต์สวนกันเท่านั้น จึงอาจส่งผลกระทบต่อการจราจรได้ อีกทั้งโครงการนี้ยังอยู่ในระหว่างการจัดทำข้อมูลรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะผ่านเกณฑ์หรือไม่ หรือถ้าผ่านก็ต้องหารือกับประชาชนในละแวกนั้นด้วย ว่าเห็นด้วยกับโครงการหรือไม่อย่างไร
จากเหตุผลทั้งหมดนั้น สตง. จึงเห็นควรให้พิจารณาทบทวนการดำเนินการโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและเกิดความคุ้มค่าทางด้านเศรษฐกิจ
