ศาลาการเปรียญจำหลักไม้ วัดแก้วไพฑูรย์ ซอยเอกชัย 14 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ ศาลาการเปรียญเก่าแก่ ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ โบราณสถานทรงคุณค่า ทว่าทรุดโทรมลงจนน่าใจหาย ทำให้ ขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการบริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) อาสาเป็นหัวเรือใหญ่ ปฏิสังขรณ์อาคารเก่าแก่แห่งนี้
ธัชชัย ยอดพิชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ นำชมศาลาการเปรียญที่ถูกบูรณะขึ้นใหม่ เป็นอาคาร 2 ชั้นยกสูง ด้านล่างเป็นห้องอเนกประสงค์ ชั้น 2 มีระเบียงกันสาด สามารถเดินชมความงดงามของฝาไม้ประกนแกะสลักได้โดยรอบ ทั้งลวดลายสัตว์หิมพานต์ ลายมงคลต่าง ๆ ลวดลายเล่าเรื่องสุธนุชาดก กล่าวถึงพระสุธนุ ผู้เชียวชาญศาสตร์การยิงธนู ต้องเผชิญอกุศลกรรมจากอดีตชาติที่เคยหยอกเย้าสามเณรด้วยการกระทุ่มน้ำเป็นคลื่น ซัดเรือจนล่ม ในชาติปัจจุบันจึงต้องพลัดพรากจากพระนางจิรัปภาผู้เป็นชายากลางมหาสมุทร สุดท้ายได้พบกันที่ศาลาโรงธรรมซึ่งมีภาพจำหลักไม้ ประดับภาพชีวิตตั้งแต่แรกพบ ครองรัก จนประสบเคราะห์กรรม จบเรื่องด้วยการกลับไปครองเมืองพร้อมชายาอย่างมีทศพิธราชธรรม
ภายในชั้นสองของศาลาการเปรียญ มีธรรมาสน์เก่า 2 หลัง สันนิษฐานว่าเก่าถึงสมัยอยุธยาตอนปลาย หรือรัตนโกสินทร์ตอนต้น ปัจจุบันได้รับการบูรณะแล้วเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ภายในยังประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย และรูปปั้นหลวงปู่บุญ เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดแก้วไพฑูรย์ ส่วนลายจิตรกรรมฝาผนังภายใน มีข้อสันนิษฐานว่าวาดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เนื่องจากมีการวาดรูปเรือสำเภา อาจเป็นการเล่าประวัติของหลวงปู่บุญ เนื่องจากเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับคนที่อาศัยอยู่ในคลองลึก ห่างชายทะเล
นอกจากนี้ เสาในศาลาการเปรียญ ยังมีการจำหลักลายรดน้ำปิดทองเป็นรูปพุ่มข้าวบิณฑ์หน้าสิงห์ เสาลายมังกร 7 ต้น ที่วาดขึ้นตามลายแบบเดิม บางต้นมีการออกตัวเป็นบุคคล เช่น ยักษ์ นาค ช้าง และอื่น ๆ เสาที่สำคัญที่สุดอยู่ทางด้านทิศตะวันออก วาดเป็นลวดลายพญานาค และสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ เกี้ยวพาราสีกัน สะท้อนถึงความเกี่ยวข้องกับน้ำนั่นเอง
