คนตกสี ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ชัยชนะของ’เด็กดื้อ’ โดย:กล้า สมุทวณิช

เรื่องของ ประธานสภานิสิตจุฬาฯŽ คนใหม่เป็นเรื่องใหญ่ไปไกลระดับชาติ เกินกว่าสัดส่วนของตัวตำแหน่ง ที่เป็นเพียงตำแหน่งหนึ่งในโครงสร้างขององค์กรกำกับดูแลกิจกรรมของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งไปมาก

ในสภาวะที่ การเมืองŽ ทั้งประเทศทุกระดับถูกแช่อยู่ในช่องแข็งของระบอบการปกครองพิเศษ การออกเสียงลงคะแนนเล็กๆ ในระดับมหาวิทยาลัย จึงเหมือนเศษเสี้ยวของลมหายใจแห่ง ประชาธิปไตยŽ และเป็นกิจกรรมเชิง การเมืองŽ ไม่กี่อย่างที่ยังหลงเหลืออยู่

ตำแหน่งนี้มีความสำคัญอย่างไรและอยู่ตรงไหน อธิบายสั้นๆ คือ สภานิสิตเป็นเหมือนสภาตรวจสอบและกำกับดูแล รัฐบาลนิสิตŽ คือ องค์การบริหารสโมสรนิสิต (อบจ.) นั่นเอง เช่นนั้นตำแหน่งอันเป็นที่กล่าวขวัญอยู่นี้ จึงไม่ใช่ ผู้นำนิสิตจุฬาฯŽ ซึ่งน่าจะเทียบได้กับนายกสโมสรนิสิต สำหรับตำแหน่งประธานสภานิสิตนี้ถ้าเปรียบให้ชัดก็เป็นเหมือน หัวหน้าฝ่ายค้านŽ ของสโมสรนิสิตจุฬาฯจะตรงกว่า

สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ขยายตัวจนเป็นประเด็นระดับชาติ เพราะคำสองคำ คือ จุฬาฯŽ และ เนติวิทย์Ž

Advertisement

จุฬาฯŽ คือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศที่เพิ่งมีอายุครบร้อยปีไปไม่นาน มีมายาคติที่นับถือกันให้เป็นมหาวิทยาลัย อันดับหนึ่งŽ กับภาพลักษณ์กระแสหลักไปในทางอนุรักษนิยม

ในขณะที่ เนติวิทย์Ž โชติภัทร์ไพศาล เป็นผู้ที่มีบทบาทในการวิพากษ์วิจารณ์ จารีตŽ ที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนในประเทศนี้มาหลายปีตั้งแต่ยังเรียนชั้นมัธยมปลาย ว่ากันตั้งแต่เรื่องเสรีภาพในการจัดการเรื่องเส้นผมบนศีรษะ การปฏิรูปการศึกษา พอมาเป็นนิสิตก็เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์จารีตในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ของมหาวิทยาลัย

อันที่จริงประเด็นของเนติวิทย์ก็ไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่ท้าทายอำนาจรัฐหรือความมั่นคงของประเทศอะไรขนาดนั้น แต่ในสังคมที่คลุมโปงอยู่ในแนวคิดอนุรักษนิยม (ที่คำขวัญวันเด็กประกอบไปด้วยคำว่า วินัยŽ อยู่แทบทุกปี) เพียงเท่านี้การเคลื่อนไหวของเขาก็เป็นเรื่องก้าวล้ำเกินควรแล้ว

Advertisement

ความล้ำหน้าของ เนติวิทย์Ž จึงเป็นเหมือนคนละขั้วกับความเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์แบบจารีตของจุฬาฯŽ ซ้ำการขึ้นสู่ตำแหน่งดังกล่าวของเนติวิทย์ก็เป็นไปโดยผ่านกระบวนออกเสียงแบบ ประชาธิปไตยŽ ที่กลายเป็นคำสแลงของสังคมไทยในสมัยนี้ไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ ก็เลยทำให้เกิดการตอบรับที่ภาษาโซเชียลเรียกว่า ดิ้นŽ กันจากทุกฝ่าย เริ่มกันตั้งแต่คนระดับรองอธิการบดี กับทั้งศิษย์ใหม่ศิษย์เก่าของจุฬาฯหรือผู้คนในสถาบันอื่น สื่อมวลชนทุกสีทุกฝั่ง อดีตดารา นักออกความเห็นเชิงสังคม นักทฤษฎีสมคบคิดที่โยงทุกสิ่งทุกอย่างเข้าได้กับทักษิณ ปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเปรตผีและปีศาจ ไปยันนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอำนาจเยี่ยงรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งแม้จะไม่ได้ออกชื่อออกนามอย่างชัดเจน แต่ฟังแล้วใครๆ ก็เข้าใจว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่ ดิ้นรับŽ กระแสนี้

อะไรทำให้การเข้าสู่ตำแหน่งของนักศึกษาที่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้มีอำนาจอะไรจริงจังนัก จึงเกิดเป็นปรากฏการณ์กระเพื่อมขยายขนาดออกไปกว้างขวางไม่ธรรมดาเช่นนี้

เพราะหากเราจะมองภาพใหญ่กว่านั้น เนติวิทย์คือหนึ่งในตัวแทนของเยาวชนหัวก้าวหน้าที่ปรากฏขึ้นมาในช่วงแห่งวิกฤตการเมืองและอุดมการณ์ครั้งใหญ่ของประเทศนี้ ที่เราอาจจะเรียกแบบเหมารวมได้ว่าเป็นกลุ่ม เด็กดื้อของชาติŽ

เด็กดื้อŽ สำหรับผู้ใหญ่ที่มีความปรารถนาจะเห็นลูกหลานหรือเด็กๆ ในรุ่นหลังนั้นเจริญเติบโตไปได้ดีกว่ารุ่นของตัวเอง แต่ก็ต้องอยู่ในแนวทางที่พวกผู้ใหญ่เหล่านั้นเป็นหรืออยากให้เป็น ผู้ใหญ่ปากว่าตาขยิบที่อยากให้เด็กกล้าพูดในสิ่งที่ผู้ใหญ่อยากฟัง กล้าแสดงออกในสิ่งที่ผู้ใหญ่อยากเห็น กล้าตั้งคำถามเฉพาะในคำถามที่ผู้ใหญ่อยากตอบหรือตอบได้

เด็กที่คิด พูด ทำ หรือตั้งคำถามผิดไปจากกรอบที่ผู้ใหญ่เหล่านั้นขีดไว้ ก็จะกลายเป็น เด็กดื้อŽ

เช่นเดียวกับหนุ่มสาวที่ลุกขึ้นมาพูดในสิ่งที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่อยากฟัง ตั้งคำถามกับจารีตที่ห้ามถามห้ามสงสัย แสดงออกทางการเมืองอย่างเข้มข้นตามอุดมการณ์ที่อยู่ด้านตรงข้ามกับอำนาจรัฐ จึงกลายเป็น เด็กดื้อของชาติŽ เช่น คนอย่าง ไผ่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และ กลุ่มดาวดิน เยาวชนในขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM) นิวŽ สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แชมป์Ž ผู้ท้าทายอำนาจรัฐด้วยหนังสือนิยาย 1984 หรือรุ่นเล็กตามหลังเนติวิทย์ ก็มี เพนกวิ้นŽ พริษฐ์ ชิวารักษ์

พวกเขามีจุดร่วมเดียวกันคือมีช่วงอายุตั้งแต่วัยรุ่นถึงช่วงต้นวัยหนุ่มสาว มีความศรัทธาในสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และโอกาส ที่โยงยึดเข้ากับค่านิยมแบบประชาธิปไตย และอยู่คนละข้างกับจารีตและอำนาจที่กดขี่ลิดรอนคุณค่าเหล่านั้น รวมถึงปฏิเสธความไม่ชอบธรรมของคณะผู้ปกครองประเทศที่เข้าสู่อำนาจโดยอำนาจรัฐประหาร

เด็กดื้อของชาติŽเหล่านี้ผลัดกันมามีบทบาทในการไม่ยอมตนจำนนต่ออำนาจรัฐ ใช้วิธีการต่อสู้แบบ เด็กๆŽ ที่แฝงไปด้วยความสนุกสนานและยั่วล้ออำนาจรัฐอันขึงขัง เช่น การกินแซนด์วิช อ่านหนังสือ หรือชูสามนิ้วต้านรัฐประหาร ส่องไฟไล่โกง หรือการยืนยันสิทธิด้วยการยืนชูป้ายกระดาษ แปะแผ่น Post-it หรือแม้แต่การออกมายืนเฉยๆ ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อผู้ปกครองที่มีอำนาจเด็ดขาดได้

เพราะการยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้ทรงอำนาจรัฐ ทำให้สื่อบางสำนักเอา สีแดงŽ ป้ายหัวและจัดวางพวกเขาลงไปไว้ข้างเดียวกับกลุ่มการเมืองของฝั่งนั้น

และเพราะการยืนยันในค่านิยมแบบประชาธิปไตยที่เชื่อมั่นในสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค หรือวิพากษ์วิจารณ์ค่านิยมจารีตแบบอนุรักษนิยมที่เป็นปฏิปักษ์กับคุณค่าแบบเสรีเหล่านั้น ทำให้พวกเขาเป็นเหมือน คู่ตรงข้ามŽ กับผู้คนในฝั่งที่เชื่อถือยึดมั่นในฝั่งจารีต และรวมถึงผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาต่อการปกครองของผู้ทรงอำนาจรัฐในปัจจุบัน

เมื่อเริ่มรู้สึกว่าเด็กดื้อเหล่านี้เป็นภัยคุกคาม การตอบโต้ของ ผู้ใหญ่Ž ที่มีอำนาจหรือเป็นกระแสนำในสังคมตอบโต้ต่อ เด็กดื้อของชาติŽ ก็คือการลงโทษที่หมายให้เข็ดหลาบหวาดกลัว เช่นเดียวกับการเฆี่ยนตีบุตรหลานที่ดื้อดึงไม่ยอมเชื่อฟัง


ไม้เรียวŽ ที่พวกเขาใช้โบยตีเด็กดื้อของชาตินั้นก็มีทั้งแบบ ไม้แข็งŽ และ ไม้นวมŽ

ไม้แข็งŽ ก็ได้แก่การใช้อำนาจรัฐที่อ้างว่าชอบธรรมตามกฎหมาย เช่นที่ความผิดร้ายแรงหลายเรื่องถูกนำมากล่าวหาเป็นชนักปักหลังให้บรรดาเด็กดื้อของชาติที่ท้าทายอำนาจรัฐโดยตรง อย่างนับคดีกันไม่ถ้วน ซึ่งหากลองไล่มูลเหตุดูก็จะพบว่าล้วนแต่มีที่มาจากการลุกขึ้นขัดขืน ตั้งคำถาม หรือไม่สยบยอมต่ออำนาจรัฐทั้งสิ้น ที่โดนหนักหนากว่าใคร คือ ไผ่ ดาวดินŽ ที่ถูกจองจำแม้ยังไม่ได้พิสูจน์ความผิด ส่วนคนอื่นๆ ก็มีคดีที่ถูกตั้งข้อหาราวกับเป็นบุคคลอันตรายร้ายแรง ติดตัวแบบที่เคลื่อนกายไปไหนก็ลำบาก

ส่วน ไม้นวมŽ สำหรับเด็กที่มีบทบาทท้าทายต่อจารีตแบบอนุรักษนิยม ก็คือความพยายามสร้างบทลงโทษทางสังคม ด้วยการกดดันผ่านการประจาน ประณาม หยามหมิ่น หรือสั่งสอนด้วยท่าทีอย่างคนที่อยู่เหนือกว่าหรือรู้เท่าทัน ไปจนถึงปั้นเรื่องกล่าวหาด้วยความเท็จ การหวดไม้นวมด้วยวิธีการเชิงสังคมแบบนี้อาจจะดูไม่หนักหนาร้ายแรงเท่ากับใช้ไม้แข็งแห่งอำนาจรัฐ แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความแข็งแกร่งทางจิตใจในการรับมือพอสมควรเหมือนกัน

นอกจากนี้เด็กดื้อของชาตินั้นต้องรบกับศึกในอีกทางหนึ่งด้วย คู่ตรงข้ามอีกฝ่ายของพวกเขานอกจากบรรดาผู้ใหญ่ที่ว่าแล้ว ก็ยังมี เด็กดีŽ ที่เชื่องแล้วและสมาทานต่อจารีต ระบอบ และอำนาจของผู้ใหญ่เหล่านั้น

สําหรับบรรดา เด็กดีŽ ที่เชื่องแล้ว ปรากฏการณ์เนติวิทย์และบรรดาเด็กดื้อของชาติ ทำให้พวกเขาหวาดวิตกว่าแนวทางจารีตนิยมแบบที่ได้รับการสั่งสอนมาจากผู้ใหญ่ที่ตัวเองเคยเชื่อถือ บัดนี้มีผู้มาท้าทายให้กระทบกระเทือนอย่างมีนัยสำคัญแล้ว บรรดาเด็กดีที่เริ่มเสียความมั่นใจเหล่านี้จึงต้องร่วมมือกับผู้ใหญ่ในการกำราบ เด็กดื้อŽ นอกคอกเหล่านั้นเพื่อให้มั่นใจแน่ว่าวิถีทางแบบที่ตัวเองยึดมั่นมาชั่วชีวิตเท่านั้นเป็นคำตอบเดียวที่ถูกต้อง

และก็ยังมีฝ่ายที่ยังเป็นกลางอยู่ ได้แก่ เด็กดีŽ ที่ยังมีคำถามในใจ ที่หลายคนก็เริ่มรู้สึกว่าไม่โดดเดี่ยว และอาจจะมีความมั่นใจที่จะตั้งคำถามหรือช่วยกันหาคำตอบที่ผู้ใหญ่หรือเด็กดีที่เชื่องแล้วกลุ่มแรกไม่อยากฟัง จากชัยชนะเล็กๆ ของเนติวิทย์ในครั้งนี้

ในวันหนึ่ง พวกเขา ไม่ว่าเด็กดีหรือเด็กดื้อ ก็จะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่และรับช่วงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเรา พวกเขาจะเป็นผู้อยู่อาศัยในประเทศที่พวกผู้ใหญ่ในวันนี้จะส่งมอบให้เมื่อหมดลม สืบสันดานและรับมรดกทุกอย่างของเรา อยู่กับทุ่งดอกไม้ไร่นาที่เราปลูกไว้ให้ ตลอดทั้งกองขยะและปฏิกูลที่เราทอดทิ้งนั้นด้วย

ค่านิยมใดกันที่จะชนะและจะกลายเป็นค่านิยมหลักต่อไปในอนาคต ระหว่างเสรีนิยมกับจารีตนิยม ระหว่างประชาธิปไตยหรือระบอบเผด็จการคนดี เป็นเรื่องที่ เด็กดื้อของชาติŽ กับ เด็กดีที่เชื่องแล้วŽ และ เด็กดีที่ยังมีคำถามŽ จะต้องต่อสู้กันในทางความคิดและอุดมการณ์ต่อไปในวันเวลาของพวกเขา

แม้ว่าปัจจุบัน ด้วยอำนาจของฝ่ายจารีตนิยมผู้ได้ชัยชนะและยึดครองกระแสสังคม และฝ่ายอำนาจนิยมที่ได้อำนาจรัฐไว้ในมือ ผู้ชนะทั้งสองช่วยกันขนาบกำราบเด็กดื้อของชาติและเหล่าผู้คิดต่างด้วยไม้แข็งและไม้นวมนานาวิธี จนมองไม่เห็นทางที่อีกฝ่ายจะกลับมาชนะหรือมีหนทางโต้กลับได้ในขณะนี้หรือแม้แต่ในอนาคตอันใกล้

หากชัยชนะของเนติวิทย์ เป็นเหมือนชัยชนะเล็กๆ ของฝ่ายเด็กดื้อ ที่ได้รับการสนับสนุนจากพลังเงียบของคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดแบบเดียวกัน จนสามารถแย่งพื้นที่มีลมหายใจขึ้นในดินแดนสีชมพูอันน่าจะเป็นที่มั่นสำคัญของชาวจารีตนิยมมาจนได้

จึงเป็นสัญญาณที่น่ายินดีสำหรับผู้ใหญ่ที่เอาใจช่วยพวกเขาเหล่า เด็กดื้อของชาติŽ ได้รู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้าง ว่าการต่อสู้ในเชิงอุดมการณ์ของคนรุ่นต่อไป ฝ่ายที่มีอุดมการณ์แบบประชาธิปไตยและเสรีนิยม คงจะไม่โดดเดี่ยวเสียเปรียบกันจนเกินไป

และสำหรับผู้คนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง นี่เป็นการรุกคืบเข้าไปได้อย่างมีนัยสั่นสะเทือน จนต้องลุกขึ้นมา เต้นŽ มา ดิ้นŽ กันถ้วนหน้า อย่างที่พวกเขาเองก็ยอมรับว่าเด็กคนเดียวทำสะเทือนทั้งยุทธจักร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image