เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่วัดแจ้งสว่าง บ้านตากลาง ต. กระโพ อ. ท่าตูม จ. สุรินทร์ นายอรรถพร สิงหวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานลั่นฆ้องชัยเปิดงานประเพณีบวชนาคช้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีประชาชนนำขบวนช้างกว่า 50 เชือกร่วมขบวนแห่นาค ขณะที่มีนาคจะเข้าอุปสมบททั้งสิ้น 16 นาค
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า จังหวัดสุรินทร์เป็นดินแดนแห่งอารยธรรมขอม มีวัฒนธรรมประเพณีหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์เขมร ลาว กวย ที่ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน ทั้งเป็นแหล่งเลี้ยงช้างมากที่สุดในโลกจนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในนาม “เมืองช้าง” และได้รับการส่งเสริมเป็นจังหวัดท่องเที่ยวโดยเฉพาะมีงานแสดงช้างถือเป็นงานประจำปีระดับชาติ
สำหรับ“ประเพณีบวชนาคแห่ช้าง” เป็นประเพณีเก่าแก่ที่ชาวสุรินทร์ทั้งเขมร ลาว กวย ที่นับถือพุทธศาสนาถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบทอดกันมา เมื่อลูกชายอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ก่อนมีเหย้ามีเรือน พ่อแม่ต้องจัดการบวชให้ลูกชายศึกษาธรรมวินัย โดยการบวชของหนุ่มชาวกวย เป็นงานยิ่งใหญ่ของครอบครัวและชุมชน เมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี มีความเชื่อว่าเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ผู้บูชาด้วยการปฏิบัติตาม ถือว่าได้เห็นพระพุทธเจ้า โดยชายชาวกวยที่อายุครบบวชจะนัดกันไปเข้าพิธีบวชที่ วัดแจ้งสว่าง และก่อนวันบวชหนึ่งวัน นาคของแต่ละหมู่บ้านจะจัดขบวนแห่นาคซึ่งมีช้างร่วมขบวนจำนวนมาก เนื่องจากมีควรามเชื่อว่า การบวชจะได้ชื่อเสียงหรือได้บุญมากจะต้องนั่งช้างแห่ไปเป็นระยะทางไกล ๆ และมีคนร่วมขบวนแห่นาคจำนวนมาก ไปรวมกันที่วังทะลุ ริมแม่น้ำมูล เพื่อทำพิธีเซ่นศาลปู่ตาและขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมประกอบพิธีอุปสมบทบริเวณ “ดอนบวช” ซึ่งเป็นเนินดินกลางแม่น้ำ จุดบรรจบของลำน้ำชี และ แม่น้ำมูล
จังหวัดสุรินทร์เห็นว่า ประเพณีดังกล่าวสมควรได้รับการอนุรักษ์ฟื้นฟู ส่งเสริมเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาชมประเพณีที่ยิ่งใหญ่ มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเฉพาะตัว จึงร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)สุรินทร์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ อำเภอท่าตูม สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุรินทร์ และ องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)กระโพ จัดงานประเพณีบวชนาคช้างเป็นประจำทุกปี
