เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม นายวินัย พรหมอินทร์ อายุ 63 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน และ แกนนำกลุ่มผู้คัดค้านการต่อประทานบัตรเหมืองแร่ บ้านผาเต่าพัฒนา หมู่ที่ 3 ต.ผาเลือด อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2535 บริษัท อุตรดิตถ์ ป.พาณิชย์การเหมืองแร่ จำกัด ได้ขออนุญาตใช้ที่ดินเพื่อทำเหมืองแร่ทัลค์ และหินอุตสาหกรรมชนิดแอนด์ไซด์ เพื่ออุตสาหกรรมการก่อสร้าง ประทานบัตรเลขที่ 22314/14651 , 22315/14625 และ 22316/14653 ต.ผาเลือด อ.ท่าปลา พื้นที่ 280 ไร่ 78 ตารางวา ครอบคลุมภูเขามากกว่า 4 ลูก พื้นที่บ้านผาเต่าพัฒนา และ บ้านปากห้วยฉลอง หมู่ที่ 4 เป็นเวลา 25 ปี โดยประทานจะหมดอายุลงวันที่ 11 กันยายน 2560 สำหรับพื้นที่ดังกล่าว เป็นผืนป่าเบญจพรรณของนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน ซึ่งกันไว้สำหรับจัดสรรให้ชาว อ.ท่าปลา ที่อพยพออกจากพื้นที่สร้างเขื่อนสิริกิติ์ และใช้เป็นพื้นที่ทำกินใช้ประโยชน์ร่วมของคนหลายหมู่บ้าน โดยช่วง 20 ปี แรกไม่มีการดำเนินการใดๆในพื้นที่ประทานบัตร มีเพียงการเปิดหน้าหินเป็นบ่อ 3 บ่อบนภูเขา และ สร้างที่พักคนงาน 1 หลัง
กระทั่ง นายทุนได้ยื่นขอต่ออายุประทานบัตรเหมืองแร่ที่จะหมดอายุในวันที่ 11 กันยายน ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ผาเลือด และผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 ได้จัดประชุมประชาคมหมู่บ้านสอบถามความเห็นประชาชน ที่ศาลากลางหมู่บ้าน หมู่ที่ 3 แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ทราบข้อมูล เนื่องจากไม่มีการประกาศเสียงตามสาย ทำให้มีชาวบ้านเข้าร่วมประชาคม 25 คน จากประชากรกว่า 500 คน โดยผลการประชุม มีชาวบ้านเห็นด้วยกับการต่อประทานบัตร 13 เสียง และ คัดค้าน 12 เสียง โดยเปิดให้ยกมือแสดงความเห็น ทำให้ชาวบ้านที่คัดค้านเกรงจะเกิดความไม่ปลอดภัย รวมทั้งเกรงจะมีการงุบงิบทำประชาคม เป็นผลให้มีการต่ออายุประทานบัตรอีกครั้ง
“ในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ จะมีการทำประชาคมครั้งที่ 2 ชาวบ้านกลุ่มคัดค้านเกรงจะมีการหยิบยื่นผลประโยชน์ให้ผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ชาวบ้านกลุ่มคัดค้านเกรงว่า หากอนุญาตให้ต่อประทานบัตร สิ่งที่ตามมา ปัญหาถนนพัง ฝุ่นละออง เสียงดังรบกวน ป่าไม้ถูกทำลาย และ น้ำเสียไหลลงแม่น้ำน่าน ซึ่งแหล่งหากินของชาวบ้าน จึงร่วมกันคัดค้านจนถึงที่สุด” นายวินัย กล่าว
ด้านนายอดิเรก จันสะอาด ผู้ใหญ่บ้านปากห้วยฉลอง หมู่ที่ 4 ต.ผาเลือด กล่าวว่า พื้นที่ประทานบัตรส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ชาวบ้านเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์คัดค้านการต่อใบประทานบัตร เพราะต้องการอนุรักษ์ต้นไม้จำพวกไม้สักทอง ไม้กระยาเลย ที่กำลังฟื้นตัว อีก 3-4 ปี จะกลายเป็นป่าไม้อุดมสมบูรณ์ จะเป็นแหล่งต้นน้ำของ ต.ผาเลือด ที่ดีที่สุด หากทำเหมืองแร่ ป่าไม้จะลดลง ถนนพัง ฝุ่นละออง สารเคมีสารพิษในเหมืองจะไหลลงแม่น้ำน่าน แหล่งน้ำที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันของหลายจังหวัด สิ่งที่กำลังวิตก คือ ชาวบ้านหมู่ที่ 3 อาจเห็นผลประโยชน์เล็กน้อยมากกว่าส่วนรวม และอาจมีการข่มขู่ชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วย
วันเดียวกัน นายประสงค์ อุไรวรณ์ นายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ และ อดีตนายอำเภอท่าปลา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คว่า “พื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ มีสายแร่ทองคำ บริเวณ ต.ผาเลือด ริมน้ำน่าน ทำให้มีคนต้องการเปิดแปลงสัมปทานเก่า แร่ทัลค์ หรือ ชาวบ้านเรียกแร่สบู่ ซึ่งจะหมดอายุในเร็วๆนี้ ทั้งๆที่จริงแล้วไม่เคยได้รับอนุญาตให้ทำเหมือง มีแต่การลักลอบขุด ซึ่งแปลงที่สัมปทานอยู่ ไม่สามารถทำเหมืองได้เลย ต้องขออนุญาตทำเหมืองก่อน โดยต้องได้รับอนุญาตแผ้วถางป่าจากกรมป่าไม้ด้วย มีการศึกษาผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม ต้องรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน แต่กรมอุตสาหกรรมมักติดประกาศให้ประชาชนเสนอความคิดเห็น ชาวบ้านส่วนใหญ่มักไม่รู้ จะสรุปว่าไม่มีผู้เสนอความคิดเห็น ได้รับความเห็นชอบจากท้องถิ่น ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง แต่การดำเนินการอย่างเปิดเผยมักถูกคัดค้านจากประชาชน จึงมักแอบทำ ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ดีกว่ามาแก้ปัญหากันภายหลัง เพราะยังไม่เคยเห็นว่าจะแก้ได้สักเรื่อง”
