ปลัดสธ.โต้ ก.พ.อัตราว่างกว่าหมื่นตำแหน่งจริง แต่ต้องดูแลทุกวิชาชีพ

เมื่อวันที่ นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ชี้แจงว่าไม่เห็นควรจัดสรรอัตรากำลังตั้งใหม่ จำนวน 10992 อัตรา เนื่องจาก สธ.มีตำแหน่งข้าราชการว่าง ณ วันที่ 3 มีนาคม 2560 จำนวน 11,213 อัตรา ว่า สธ.บริหารอัตรากำลังพยาบาลโดยพิจารณาจากภาระงาน ซึ่งจะต้องมีประมาณ 126,000 คน แต่ขณะนี้ได้ประมาณ 100,800 คน ยังไม่เพียงพอ ที่สำคัญจะต้องดึงบุคลากรเหล่านี้ให้อยู่ในระบบราชการเพื่อให้สามารถทำงานได้ด้วย แต่ขณะนี้ที่ยังบรรจุไม่ได้ทั้งหมดเพราะไม่มีตำแหน่งรองรับ

“กรณีที่ ก.พ.ระบุว่ายังมีตำแหน่งว่างอีก 11,213 อัตรา นั้น เป็นข้อมูลจริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถนำมาบรรจุพยาบาลได้ทั้งหมด เพราะใน สธ.ก็มีหลากหลายวิชาชีพไม่ใช่เฉพาะวิชาชีพพยาบาล ดังนั้น ที่ทำได้ขณะนี้คือ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาอัตรากำลังใหม่ทั้งหมด สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะสั้นของปีนี้ คือ ได้บรรจุเข้าแทนตำแหน่งที่ว่างได้ 1,200 อัตรา อยู่ระหว่างพิจารณาว่ากระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ อย่างไร นอกจากนี้ ได้พิจารณาสำหรับคนที่ควบตำแหน่ง หรือรอเลื่อนตำแหน่ง จะทำให้นั่งในตำแหน่งเดียว ซึ่งจะมีที่ว่างประมาณ 416 อัตรา เพื่อบรรจุใหม่ อีกทั้งจะพิจารณาจากกลุ่มที่ขอรับโอนหรือย้าย คาดว่ามีว่างอีก 893 อัตรา และเหลือตำแหน่งว่างจริงอีก 112 อัตรา ประกอบกับจะมีข้าราชการที่เกษียณอายุในวันที่ 30 กันยายนนี้ อีก 785 อัตรา ก็จะนำมาพิจารณาร่วมด้วย” นพ.โสภณ กล่าวและว่า หากพิจารณาตามที่วางแผนข้างต้น และตามกรอบที่วางไว้ภายใน 1 ปี คาดว่าจะสามารถบรรจุข้าราชการใหม่ได้ประมาณ 3,000 อัตรา ทั้งนี้ สธ.ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหา จะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด และว่าสัปดาห์หน้าจะทำความเข้าใจกับพยาบาลทั่วประเทศผ่านระบบการประชุมทางไกลด้วย

ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองปลัด สธ. กล่าวว่า ขณะนี้พยาบาลที่ยังไม่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการมีประมาณ 13,000 คน ทั้งในส่วนของพนักงานราชการ พนักงานกระทรวงสาธารณสุข และลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งหากจะใช้ตำแหน่งข้าราชการเดิมที่มีอยู่ ซึ่งจะว่างลงในแต่ละปี คาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 5-6 ปี ในการที่จะบรรจุพยาบาลเหล่านี้เป็นข้าราชการได้ อย่างไรก็ตาม ในแต่ละปีจะมีพยาบาลทยอยเพิ่มเข้ามาในระบบด้วย เนื่องจากแต่ละปีจะมีพยาบาลจบใหม่ประมาณ 4,000 คน โดยเข้ามาอยู่ในสังกัด สธ.ประมาณปีละ 3,000 คน ที่เหลืออาจไปอยู่หน่วยงานราชการสังกัดอื่นหรือภาคเอกชน

นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อหารือกับคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) และ ก.พ. นั้น สธ.ก็ต้องให้ข้อมูลเพื่อให้เห็นถึงความจำเป็นและความขาดแคลนพยาบาล ซึ่งหากได้ตำแหน่งข้าราชการตั้งใหม่วิชาชีพราว 10,000 ตำแหน่ง ทยอย 3 ปีนั้น ก็จะไม่ต้องมีการขอตำแหน่งเพิ่มเติมอีก เพราะจะพอดีกับจำนวนเกษียณ ซึ่งสุดท้ายแล้วจะได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ คปร.และ ก.พ. แต่หากบรรจุไม่ได้ทั้งหมดก็ต้องหารือว่า จะมีกระบวนการจ้างงนประเภทไหนให้มีแรงจูงใจไม่ให้เป็นข้าราชการได้

Advertisement

“สธ.ก็พยายามผลักดันในส่วนของพนักงานกระทรวงสาธารณสุข (พกส.) เพื่อให้มีแรงจูงใจพอ หลักการก็จะคล้ายกับพนักงานราชการคือ ได้รับเงินเดือนที่สูงกว่าข้าราชการ สำหรับการเพิ่มสิทธิสวัสดิการ พกส.คือ 1.เงินเดือนมากกว่าราชการ 1.2-1.4 เท่า โดยพยาบาลอาจได้อยู่ที่ 1.4 เท่า 2.การตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญ ซึ่งพนักงานราชการไม่มี โดยขณะนี้สามารถตั้งได้แล้ว 3.สามารถลาศึกษาต่อได้ และ 4.สิทธิการรักษาพยาบาลซึ่งใช้สิทธิประกันสังคม หากสิทธิอยู่ที่ รพ.ที่เจ้าตัวทำงานอยู่ ก็สามารถใช้สิทธิรักษารวมถึงครอบครัวได้ ทั้งนี้ เชื่อว่า จะสามารถช่วยดึงดูดให้ไม่อยากเป็นข้าราชการได้ แต่ยังติดปัญหาเพียงเรื่องเดียวคือ เงินเดือน เนื่องจากใช้เงินบำรุง รพ.ในการจ่ายค่าตอบแทน จึงทำให้ยังมีข้อจำกัดอยู่ จึงจ้างด้วยการเป็น พกส.ทั้งหมดไม่ได้” นพ.สมศักดิ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image