| ผู้เขียน | สุรีย์ประภา |
|---|
ต้องบอกว่าค่าย GDH กล้าหาญชาญชัยมากที่สร้างหนังแนวนี้ออกมา หนังไทยส่วนใหญ่วนเวียนอยู่กับหนังรัก หนังตลก หนังผี มีหนังประวัติศาสตร์บ้างเป็นระยะๆ
ฉลามเกมส์โกงฉีกแนวหนังไทยทุกเรื่อง ไม่น่าเชื่อว่าหนังเกี่ยวกับเด็กฉลาดและภารกิจการโกงข้อสอบ จะสร้างได้อย่างหลากหลายอารมณ์เช่นนี้ ทั้งสนุก ตื่นเต้น ลุ้นระทึก ดราม่า เสียดสีวงการศึกษาไทย แถมมีบททดสอบจริยธรรมที่น่าคิด
เครดิตดีๆ นี้ต้องมอบให้แก่ผู้กำกับ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ซึ่งมีผลงานโดนใจใครหลายคน จากผลงานไวรัลโฆษณา หนังสั้น มิวสิควิดิโอ และหนังยาวเรื่องแรก เคาท์ดาวน์
จากหนังโกงความตาย เคาท์ดาวน์ ที่ถ่ายทำส่วนหนึ่งที่นิวยอร์ก สู่หนังการโกงข้อสอบ ที่จุด climax ถ่ายทำที่ซิดนีย์ นัฐวุฒิบอกว่า “โจทย์ของการทำหนังเรื่องนี้คือ ทำหนังที่ดูสนุก แต่ในขณะเดียวกัน ต้องเป็นความสนุกที่สุดท้ายแล้วตั้งคำถามอะไรบางอย่างกับคนดู ให้คนดูตอบคำถามด้วยตัวเอง”
นัฐวุฒิใช้เวลาพัฒนาหนังเรื่องนี้ถึงสองปี เป็นหนังที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง ระบบการศึกษาและสังคมไทยที่วัดค่าของคนด้วยผลคะแนน หนังเล่าเรื่องในสไตล์ Caper Story คือคนกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาทำภารกิจท้าทายกฎระเบียบด้วยกัน ส่วนใหญ่เป็นการโจรกรรมเช่นหนัง Ocean Eleven หรือ Now You See Me ฉลาดเกมส์โกงไม่ใช่การโจรกรรม แต่เป็นภารกิจการโกงข้อสอบระดับนานาชาติ
จากประโยค “คนเราเกิดมามีต้นทุนไม่เท่ากัน” จุดเริ่มต้นเล็กๆ เกิดขึ้นเมื่อลิน (ชุติมณฑน์ จึ่งเจริญสุขยิ่ง) ต้นทุนฉลาด นักเรียนทุนเกรดเฉลี่ย 4.00 ช่วยเพื่อนรัก เกรซ (อิษยา ฮอสุวรรณ) ต้นทุนหน้าตาสะสวย ให้ได้เกรดพอที่จะได้แสดงละครของโรงเรียน ขยายออกไปสู่แฟนของเกรซ พัฒน์ (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) ต้นทุนพ่อรวย ที่แม้ไม่เก่งแต่มีหัวการค้า เกิดธุรกิจการโกงการสอบในโรงเรียนที่ทำรายได้เป็นเงินหลักแสนให้กับลิน
แต่เมื่อคะแนนสอบสูงๆ เป็นใบเบิกทางไปสู่การศึกษาต่อต่างประเทศ การจับมือกันโกงข้อสอบ STIC เพื่อใช้คะแนนเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก ที่นักเรียนทุกประเทศต้องสอบเวลาเดียวกันจึงเกิดขึ้น
ลินใช้ไทม์โซน์ของโลกที่แตกต่างกัน บินไปสอบที่ออสเตรีย เพื่อส่งคำตอบกลับมาประเทศไทย งานนี้เธอทำคนเดียวไม่ได้ ต้องใช้เด็กเนิร์ดนักเรียนทุนอีกคน แบงค์ (ชานน สันตินธร) ต้นทุนเกลียดการโกงเป็นชีวิตจิตใจ เป็นตัวช่วย โดยมีเงินหลักล้านเป็นตัวล่อ
หนังแสดงให้เห็นว่าการโกงและการ create monster ขึ้นมา มีเอฟเฟ็กต์อะไรต่อชีวิต ตัวละครทั้งสี่ มีแรงจูงใจที่จะกระทำผิด แม้เป็นหนังวัยรุ่นแต่เนื้อหาไม่วัยรุ่น ชี้ความฟอนเฟะของระบบการศึกษาไทย ที่หากอยากเข้าโรงเรียนดีๆ ก็ต้องยอมจ่ายแป๊ะเจี๊ยะ การสอนพิเศษที่ครูเอาข้อสอบมาสอนนักเรียนที่เรียนพิเศษกับตน ค่านิยมเรื่องเกรดเฉลี่ยและคะแนนสูงๆ ที่ไม่ได้วัดศีลธรรมของผู้ได้คะแนน
หนังออกแนวดาร์กไม่ใช่เรื่องบันเทิง แต่เล่าเรื่องได้สนุก การโกงสอบทุกครั้ง คนดูจะรู้สึกกดดัน ลุ้นระทึก รู้สึกเหมือนร่วมอยู่ในขบวนการโกง แม้จะรู้ว่าผิดแต่อดเอาใจช่วยไม่ได้ เป็นหนังสองชั่วโมงที่ไม่น่าเบื่อ
การตัดต่อและดนตรีเร้าใจมาก ตื่นเต้นเหมือนดูหนังแอ๊กชั่นไลล่ากัน โดยเฉพาะฉากที่ลินพยายามเอาตัวรอดโดยมีผู้คุมสอบชาวออสเตรเลียตามไล่จับ
นักแสดงวัยรุ่นทั้งสี่แสดงได้ดี แต่ที่ต้องชมมากๆ คือ ลินและแบงค์ ลินมีบทบาทมากกว่าแบงค์ ทำให้คนดูเคลิ้มได้จริงๆ ว่าเด็กเก่ง ฉลาด และมีความคิดเป็นระบบต้องมีมาดแบบนี้ แต่แบงค์ในบทที่ถูกฉกอนาคต โดนซ้อมไปทิ้งกลางกองขยะ เพื่อไม่ให้ไปทันสอบชิงทุน และคลุ้มคลั่งกระโจนต่อยพัฒน์พร้อมระเบิดอารมณ์ว่า “แม่กูมีแค่กู กูต้องการเรียนต่อเพื่อให้แม่กูสบาย มึงตัดอนาคตกูเพราะเรื่องนี้” เป็นบทดราม่าที่น่าจดจำ
หนังหักมุมได้น่าคิด ทุกคนมีสิทธิเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง จะเป็นคนดีหรือคนเลว จะยึดมั่นอุดมการณ์โดยยอมเผชิญความเจ็บปวด จะปล่อยชีวิตไปตามกระแส “ถึงเราไม่โกง ชีวิตก็โกงเราอยู่ดี” “จะเรียน 4-5 ปี เพื่อจะได้เงินเดือนหลักหมื่นทำไม ในเมื่อเห็นเงินล้านอยู่ข้างหน้า”
ใครจะเป็นอย่างไร ทำถูกหรือทำผิด เป็นประเด็นที่หนังทิ้งไว้ให้คนดูคิด และถกเถียงกันต่อไป
