แม่ค้ากว่า 100 บุกล้อมโรงพักเมืองเพชร เหตุถูกปรับ-สั่งห้ามขายของ

เมื่อเวลา 21.00 น วันที่ 12 พฤษภาคม กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่ตั้งร้านค้าบริเวณถนนบนและฟุตบาท ถ.คีรีรัฐยา ต.ธงชัย อ.เมือง จ.เพชรบุรี ในงานจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า วิสาหกิจชุมชนและของดีเมืองเพชรบุรี ซึ่ง เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนปศุสัตว์เพชรบุรี ร่วมกับ จังหวัดเพชรบุรี และเกษตรจังหวัดเพชรบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้น กว่า 100 คน นำโดยนายชูเกียรติ เลิศหิรัญทรัพย์ อายุ 50 ปี ชาวกรุงเทพฯ ออแกไนซ์ที่รับจ้างจากคณะผู้จัดงานให้จัดคาราวานสินค้า เดินทางมาชุมนุมที่ สภ. เมืองเพชรบุรี ร้องขอความเป็นธรรม โดยอ้างว่าได้รับความเดือดร้อนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สั่งให้หยุดการจำหน่ายสินค้าและรื้อถอนเต็นท์ โดยแจ้งความผิดว่าแม่ค้า พ่อค้าทำผิดกฎหมายจราจรตั้งสิ่งกีดขวางในพื้นผิวการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาต

สอบถาม พ.ต.อ.ศิลปชัย มีช่วย ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี ถึงสาเหตุการชุมนุมทราบว่า ก่อนหน้านี้เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนปศุสัตว์เพชรบุรี ร่วมกับ จังหวัดเพชรบุรี และเกษตรจังหวัดเพชรบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กำหนดจัดงานงานจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า วิสาหกิจชุมชนและของดีเมืองเพชรบุรีขึ้นในระหว่างวันที่ 10-18 พฤษภาคม โดยได้ทำการขออนุญาตจังหวัดเพชรบุรีจัดงานที่บริเวณสนามลานกว้างหน้าโรงเรียนเบญจมเทพอุทิศจังหวัดเพชรบุรีซึ่งเป็นพื้นที่ของเอกชน พร้อมทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ขอกำลัง ตร.ดูแลความสงบและอำนวยความสะดวกต่อ พ.ต.อ.ศิลปชัย มีช่วย ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากทั้ง 2 หน่วยงาน แต่ปรากฏว่าวันที่ 7-8 พฤษภาคม คณะผู้จัดงานดังกล่าวได้ให้นายชูเกียรติซึ่งเป็นออแกไนซ์รับจัดงานตั้งเต็นท์จำหน่ายสินค้าบนทางฟุตบาทและล้ำลงบนพื้นผิวจราจรถนนคีรีรัฐยา เป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร

ต่อมาวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ต.อ.ศิลปชัย ตรวจสอบพบว่าเป็นการตั้งเต็นท์จำหน่ายสินค้าบนพื้นผิวการจราจรโดยไม่ได้ขออนุญาตและไม่ได้เป็นไปตามนัยยะหนังสือขอความอนุเคราะห์ที่ระบุเพียงขอกำลัง ตร.ดูแลความสงบและอำนวยความสะดวก จึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยังนายบันเทิง นวมภัคดี ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนฯ ผู้จัดงาน ว่าเป็นการกระทำผิดกฏหมายวางสิ่งของและขายสินค้าบนพื้นผิวจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้แจ้งผู้ประกอบการรื้อถอนเต็นท์และสินค้าออกโดยทันที แต่ปรากฏในวันที่ 10 พ.ค.ซึ่งเป็นวันเปิดงานกลับไม่มีการรื้อถอนเต็นท์ พ.ต.อ.ศิลปชัยจึงทำใบประกาศแจ้งไปยังพ่อค้า แม่ค้าที่ตั้งเต็นท์และสิ่งของบนถนนทุกรายให้หยุดการจำหน่ายสินค้าออกจากผิวถนน และต่อมาวันที่ 11 พ.ค.ได้เชิญตัวนายบันเทิง ในฐานะคนจัดงานมารับทราบข้อกล่าวหา ตั้งสิ่งของบนพื้นผิวถนน กีดขวางและอาจเป็นอุปสรรคในการจราจร โดยไม่ได้รับอนุญาต และเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 5,000 บาท และให้แจ้งผู้ประกอบการรื้อถอนเต็นท์

ปรากฏว่าหลังการดำเนินคดีมีพ่อค้าแม่ค้าบางรายเก็บเต็นท์ย้ายสินค้ากลับ แต่ยังมีอีกจำนวนหนึ่งฝ่าฝืนไม่รื้อเต็นท์และเปิดขายปกติ โดยอ้างว่ามีตัวแทนผู้จัดงานไปบอกว่าสามารถเปิดจำหน่ายสินค้าได้ กระทั่งช่วงเย็นวันที่ 12 พ.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบุรีจึง เข้าดำเนินการจับกุมนำมาเปรียบเทียบปรับ และประสานการไฟฟ้าจังหวัดเพชรบุรี ตัดไฟฟ้า ส่งผลให้กลุ่มแม่ค้าพ่อค้าไม่พอใจและมารวมตัวชุมนุม

Advertisement

การชุมนุมเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และเริ่มทวีความรุนแรง มีการด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวหาว่าจับกุมโดยไม่คำนึงถึงประชาชน พ่อค้าแม่ค้าทำมาหากิน และมาจากพื้นที่ไกลต้องเสียค้าใช้จ่ายหากไม่ให้ขายจะขาดทุน แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามชี้แจงว่าดำเนินการไปตามกฎหมาย พ่อค้าแม่ค้ากลับไม่ฟัง ความทราบถึง พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล และพ.ต.อ.บัญญัติ เพียรสวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี รุดมาตรวจสอบและเชิญ นายชูเกียรติ ออแกไนซ์ผู้จัดคาราวานสินค้า และตัวแทนกลุ่มพ่อค้า แม่ค้าเข้าไปชี้แจง โดยใช้เวลาชี้แจงนานกว่า 30 นาที นายชูเกียรติจึงเข้าใจว่า คณะผู้จัดงานไม่ได้ทำการขออนุญาตใช้พื้นที่ถนน ทำให้การตั้งเต๊นท์ขายสินค้าที่ตนนำคาราวานมาลงดำเนินการโดยผิดกฏหมาย และปฏิเสธการให้สัมภาษณ์สื่อบอกเพียงสั้นๆว่า เสียหายกว่า 1 ล้านบาท และเข็ดกับการดำเนินงานของผู้จัดงานที่จ้างตนมาจัดคาราวานสินค้า

โดยตลอดระยะเวลาที่มีการชุมนุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และนายชูเกียรติ ได้พยายามติดต่อนายบันเทิง และผู้ร่วมจัดงาน เพื่อให้มาชี้แจงและรับผิดชอบแต่ปรากฏทั้งหมดปิดโทรศัพท์ไม่สามารถติดต่อได้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบความเดือดร้อนของกลุ่มพ่อค้า แม่ค้าที่ลงทุนค่าใช้จ่ายขนย้ายสินค้ามาจากพื้นที่ห่างไกล และลงทุนวัตถุดิบสินค้าประเภทอาหาร จึงได้ผ่อนผันให้เปิดร้านจำหน่ายสินค้าได้ในวันเสาร์ที่ 13 และอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.ในช่วงเย็นให้ดำเนินการเก็บร้านรื้อเต็นท์และขนย้ายสินค้าทันทีเนื่องจากในวันจันทร์ที่ 15 พ.ค.โรงเรียนเบญจมฯจะเปิดทำการสอน ซึ่งหากตั้งเต๊นท์อาจทำให้กีดขวางทางจราจรอย่างหนัก ทำให้พ่อค้าแม่ค้าพอใจและแยกย้ายเดินทางกลับในเวลา 23.30 น.

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image