พสกนิกรเผยการกราบพระบรมศพ ‘ในหลวง ร.9’ ช่วยคลายความคิดถึงพระองค์

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยตลอดทั้งวันมีประชาชนจากทั่วสารทิศใช้โอกาสวันหยุดสุดสัปดาห์ ทยอยเดินทางมาพร้อมครอบครัว เพื่อต่อแถวรอเข้ากราบพระบรมศพ ท่ามกลางสภาพอากาศเย็นสบาย จากท้องฟ้ามีเมฆปกคลุมเป็นส่วนมาก แต่ฝนไม่ตกลงมาตลอดทั้งวัน

นางสมจิต เจนตุเกจ อายุ 64 ปี ชาวอ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ถือโอกาสในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์พาหลานชาย 2 คน เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมหาราชวัง เปิดเผยว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 11 แล้วที่ได้เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ และตั้งใจจะมาอีกเรื่อยๆเท่าที่จะสามารถทำได้ เพราะรู้สึกรักและอยากอยู่ใกล้กับพระองค์ให้มากที่สุด ทั้งนี้ แม้ว่าระยะเวลาจะผ่านมาพอสมควร แต่ก็ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงพระองค์ท่าน การมากราบสักการะพระองค์ในแต่ละครั้ง ก็ช่วยคลายความรู้สึกคิดถึงพระองค์ไปได้บ้าง หากชาติหน้ามีจริง ก็ขอเกิดเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

“พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เสียสละ ทรงงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การที่ประเทศไทยเจริญ อยู่ดีกินดีจนได้ถึงทุกวันนี้ ก็มาจากพระองค์ จึงทำให้ดิฉันรักและเทิดทูนพระองค์เป็นอย่างมาก ในช่วงที่ผ่านมาขณะที่อาศัยอยู่จ.อุทัยธานี ได้มีโอกาสก็จะเดินทางขึ้นมากรุงเทพฯ เพื่อชมพระบารมีของพระองค์อยู่เสมอ จำได้ขึ้นใจในงานพระราชพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ได้มีโอกาสชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด นับเป็นความทรงจำที่ไม่ลืมเลือน” นางสมจิต กล่าวด้วยความตื้นตันใจ

ด.ช.อนุสิษฐ์ เจนตุเกจ อายุ 9 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนศรีบุณยานนท์ กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 9 แล้วที่ได้มีโอกาสมากราบสักการะพระบรมศพ ทุกครั้งที่คุณย่าจะมากราบสักการะ ก็จะขอคุณย่ามาด้วย เนื่องจากรู้สึกรักพระองค์ แม้ว่าจะเกิดไม่ทันในช่วงที่พระองค์ทรงงานหนัก แต่ก็ได้ยินเรื่องราวพระราชกรณียกิจของพระองค์จากคำบอกเล่าของผู้ใหญ่ และวีดีโอสารคดีทางโทรทัศน์ นับเป็นภูมิใจที่ได้เกิดในรัชกาลที่ 9

Advertisement

 

สมจิต(กลาง) -อนุสิษฐ์(ขวา)

น.ส.ประนิจ เล็กไม่น้อย อายุ 31 ปี พนักงานบริษัทเอกชน ถือโอกาสในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ พร้อมกับเพื่อนร่วมงาน 1 คน กล่าวว่า วันนี้มีโอกาสจึงได้เชิญชวนเพื่อนมาด้วยกันจากอ.บางประอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเมื่อได้กราบสักการะแล้วก็รู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็รู้สึกใจหาย รู้สึกได้ว่าต่อจากไปนี้จะไม่มีพระองค์อยู่เป็นมิ่งขวัญให้กับชาวไทยอีกแล้ว

“พระองค์ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อครอบครัวดิฉันอย่างมาก เพราะแต่เดิมครอบครัวดิฉันจะอาศัยอยู่บริเวณเลียบคลองเปรมประชากร พอมีโครงการพระราชดำริเพื่อเปิดทางน้ำ แก้ไขปัญหาน้ำท่วม บริเวณคลองประชากร ทำให้บ้านดิฉันได้รับผลกระทบ พระองค์ก็ได้พระราชทานบ้าน และที่ดินจำนวน 2 งาน เพื่อบรรเทาผลกระทบให้แก่ประชาชนในพื้นที่ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้” น.ส.ประนิจ กล่าว

Advertisement

น.ส.น้ำเชื่อม ทันประโยชน์ อายุ 38 ปี พนักงานบริษัทเอกชน กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้มากราบสักการะพระบรมศพ ก็รู้สึกภูมิใจและปราบปลื้มใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากอยากที่จะมานานแล้ว เพราะรู้สึกรักพระองค์ท่านมาก พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชนในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะการเป็นแบบอย่างของความพอเพียง ก็ถือเป็นหลักที่ได้นับมาใช้ในการดำเนินชีวิต คือ เมื่อเงินเดือนออก ก็จะแบ่งเงินเป็น 2 ส่วน คือ เงินสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน กับเงินเพื่อการเก็บออม เพื่อเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น รวมทั้งตั้งใจไว้ว่า หากมีความพร้อม ก็จะกลับไปอยู่กับครอบครัวที่จ.สระบุรี ดำเนินชีวิตด้วยการทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวทางของพระองค์

 

ประนิจ -น้ำเชื่อม

 

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท  มีจำนวนทั้งสิ้น 23,861 คน รวม 191 วัน มี 6,977,515 คน ส่วนยอดเงินประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศล วันที่ 12 พฤษภาคม จะยกยอดไปนับรวมกับยอดเงินในวันที่ 13 พฤษภาคม

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image