“มท.1” เผย กรรมการสอบปมซื้อกามเด็กที่แม่ฮ่องสอนเตรียมรายงานข้อเท็จจริงเป็นลายลักษณ์อักษรในสัปดาห์นี้ ส่วนพบอบต.นนทบุรีเกี่ยวข้อง “ผู้ว่าฯนนท์” สั่งตั้งกรรมการสอบแล้ว
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 15 พฤษภาคม ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการสอบสวนผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ถูกพาดพิงว่าเกี่ยวข้องกับการซื้อบริการเยาวชน ว่า ทราบจากนายประยูร รัตนเสนีย์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนว่ามีความเรียบร้อย และจะรายงานผลการหาข้อเท็จจริงที่เป็นลายลักษณ์อักษรภายในสัปดาห์นี้ ในส่วนที่มีเกี่ยวข้องกับอบต.บ้านใหม่ จังหวัดนนทบุรีนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีได้แต่งตั้งนายอำเภอบางใหญ่ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งคงจะรายงานให้ทราบต่อไป ส่วนเรื่องคดีความเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องดำเนินการตามพยานหลักฐานแล้วเขียนเป็นสำนวนคดี และดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ในด้านการสอบพยาน ตนทราบว่าผู้ถูกกล่าวหาได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และหาข้อมูลจากผู้ที่อยู่ในพื้นที่ได้ส่วนหนึ่ง นอกจากนั้นก็ได้พูดคุยกับผู้ที่กล่าวอ้างว่าเสียหายแล้ว
“การที่จะบอกว่าผลเป็นอย่างไรนั้น อย่าให้ผมพูดเลย แต่เป็นการรายงานสรุปข้อเท็จจริงที่ได้มาเกี่ยวกับเหตุการณ์ว่าใครพูดว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องอย่างไร มากกว่าจะเป็นการสรุปผลว่าผิดหรือไม่ผิด และคงจะมีรายงานเข้ามา พร้อมพยานแวดล้อม เช่น วันเวลา เที่ยวบินในการลงพื้นที่ และอาจมีส่วนของผู้ที่กล่าวอ้างว่าเป็นผู้เสียหาย ขอให้สื่อรอผลรายงานหน่อย”พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวถึงการจัดตั้งสมาพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย ว่า ได้มีการตรวจสอบและพบว่าสมาพันธ์ฯ ไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย และมีการยืนยันจากปลัดอำเภอในประเทศว่าไม่มีส่วนในการตั้งสมาพันธ์ฯ นี้ ซึ่งก็มีคนมาร้องเรียนเรื่องดังกล่าวแล้ว ฉะนั้นความถูกต้องของสมาพันธ์ฯ เป็นอย่างไร เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ รวมทั้งการนำตราสัญลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับกระทรวงมหาดไทยมาใช้ในสมาพันธ์ฯ ก็จะต้องพิจารณาตามกฎหมายว่าทำได้หรือไม่ สำหรับการย้ายปลัดอำเภอแม่สะเรียงไปทำงานที่ปกครองจังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้น เป็นเรื่องของกรมการปกครองที่พิจารณา ซึ่งไม่ได้พิจารณาจากประเด็นที่ออกมาเปิดเผยคดีผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขณะที่ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีนั้นขอให้รีบนำไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทันทีเพื่อดำเนินคดีทางอาญาและจะได้นำคนผิดมาลงโทษ โดยไม่มีใครปิดกั้นในเรื่องนี้ทั้งสิ้น และถ้านำหลักฐานมาให้ทางกระทรวงมหาดไทยก็จะสามารถพิจาณาเรื่องวินัยได้
“ที่ปลัดอำเภอแม่สะเรียงอ้างว่ามีการข่มขู่นั้น เขาอ้างเอง ใครจะไปทำอะไร อย่าให้สังคมอยู่แบบนั้นเลย ไม่มีใครไปใช้อำนาจหน้าที่ทำอะไรแบบนั้นเพราะว่าคนที่ไปทำจะมีความผิดทางอาญาด้วย ไม่มีใครสั่งทำร้ายปลัดอำเภอแม่สะเรียงแน่นอน เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร ใครจะเอาข้อมูลเรื่องผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาเปิดเผย ผมน้อมรับแต่ขอให้เป็นข้อเท็จจริงที่มีพยานหลักฐานที่รับผิดชอบได้ เอามาได้เลยไม่มีปัญหา ซึ่งบ้านเมืองเราคงไม่อยู่ด้วยผู้มีอิทธิพล อย่างผมมีอำนาจก็มีอำนาจตามกฎหมาย ผมไม่ใช้อำนาจในลักษณะนั้น ไม่มีการข่มขู่และจะให้ใครไปปฏิบัติหน้าที่ไหนก็ใช้อำนาจตามกฎหมาย” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
