วันที่ 15 พฤษภาคม นายโสภณ ทองดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่าจากการลงตรวจสอบพื้นที่ป่าชายเลนภาคใต้ ทั้งหมด 13 จังหวัด รวม 1,559,336 ไร่ แต่ละพื้นที่มีปัญหาแตกต่างกัน คือ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี พื้นที่ 181,158 ไร่ พบปัญหาการออกเอกสารสิทธิทับที่ดินในพื้นที่ป่าสงวน จ.นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง ปัตตานี นราธิวาส พื้นที่ 192,521 ไร่ พบการออกเอกสารสิทธิทับที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนและมีปัญหาความมั่นคง การก่อการร้ายในพื้นที่ จ.ปัตตานี ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องระวัง จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต พื้นที่ 534,657 ไร่ พบปัญหาเกี่ยวกับการตรวจสอบเอกสารสิทธิ และ จ.กระบี่ ตรัง สตูล พื้นที่ 651,000 ไร่ พบว่าผู้ยากไร้บางคนที่เข้ามาแสดงตนเป็นเจ้าของพื้นที่ก็ไม่ใช่ผู้ยากไร้ ที่แท้จริงทำให้ตรวจสอบยาก ขณะที่การบุกรุกส่วนใหญ่เข้ามาลักลอบทำนากุ้งกับสวนปาล์ม
นายโสภณ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทช.ได้ทวงคืนผืนป่าได้ถึง 3,651 ไร่ จากพื้นที่เป้าหมายในปี 2560 ที่ตั้งเป้าไว้ 7,900 ไร่ สามารถจับกุมดำเนินคดีได้ถึง 101 คดี แบ่งเป็นในพื้นที่ การดำเนินคดีกับผู้บุกรุกทั้ง 101 คดี มีทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง คดีอาญา ส่วนใหญ่ศาลตัดสินขับไล่ผู้บุกรุกและบริวารออกจากพื้นที่พร้อมทั้งสั่งจำคุกและปรับ ในส่วนของคดีแพ่ง เมื่อคดีสิ้นสุด ทช.จะส่งฟ้องแพ่งเพื่อให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการบุกรุกไร่ละ 118,330 บาท นอกจากนี้ ทช.จะปรับการทำงานป้องกันใหม่ โดยจะยกระดับสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่มีอยู่ 45 สถานีทั่วประเทศให้เป็นเขตพิทักษ์ป่าชายเลนอนุรักษ์ จำนวน 48 เขต เพื่อให้สอดคล้องกับการประกาศเขตป่ายเลนอนุรักษ์ จำนวน 48 กลุ่มป่าครอบคลุม 24 จังหวัด เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการสภาพปัญหา ที่สำคัญจะมีการเพิ่มประสิทธิภาพการลาดตระเวนเฝ้าระวังและป้องกันการบุกรุกป่าชายเลนด้วยเพื่อป้องกันการบุกรุกผืนป่าชายเลน
