วันนี้ (15 พ.ค.) พล.ร.อ.จุมพล ลุมพิกานนท์ หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาในฐานะโฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย เตรียมยื่นหนังสือถึง สตง. วันนี้ เพื่อขอให้ตรวจสอบเชิงลึกในโครงการจัดหาเรือดำน้ำ เนื่องจากได้ตรวจสอบข้อมูลสาธารณะพบว่า 1. บริษัท ไชน่า ชิปบิวดิ้ง แอนด์ ออฟชอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งทำความตกลงกับกองทัพเรือเป็นบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 17 ราย จึงไม่ใช่ State-Owned Enterprise และอัยการสูงสุดเคยตรวจร่างความตกลงที่ทำกับบริษัทดังกล่าวเป็นแบบความตกลงระหว่างกองทัพบกกับบริษัทผู้ขายโดยตรง ในกรณีที่กองทัพบกสั่งซื้อสะพานเครื่องหนุนมั่นมาแล้ว จึงสงสัยว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นจีทูจีจริงหรือไม่ โดยพล.ร.อ.จุมพล ตอบประเด็นคำถาม ดังกล่าว ระบุว่า
กองทัพเรือได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานและมีการตรวจ รับรองเอกสารของเจ้าหน้าที่ ( Notary Public) แล้ว ว่าบริษัท ไชน่า ชิปบิวดิ้ง แอนด์ ออฟชอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นบริษัทที่จดทะเบียนเป็นรัฐวิสาหกิจ ของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน (State Owned & Limited Corporation) และหน่วยงานรัฐ State Administration of Science, Technology and Industry for National Defence สาธาณรัฐประชาชนจีน ได้มีหนังสือมอบอำนาจให้บริษัทฯ ดำเนินการโครงการจัดหาเรือดำน้ำในลักษณะรัฐบาลกับรัฐบาล อย่างถูกต้องแล้ว
ส่วนกรณีที่ระบุว่า โครงการจัดหาเรือดำน้ำใช้งบประมาณของกองทัพเรือซึ่งถือเป็นการใช้เงินแผ่นดิน ที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องดำเนินการตามวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด และเปิดเผยข้อมูลการตั้งงบประมาณและงบผูกพันไว้ใน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีด้วย แต่ในงบกองทัพเรือปีงบประมาณ 2560 ที่เปิดเผยไว้มียอดรวมอยู่ทั้งสิ้น 41,115 ล้านบาท กลับไม่พบว่าส่วนใดคืองบจัดหาเรือดำน้ำ แหล่งเงินที่ใช้จัดหาเรือดำน้ำมาจากที่ใด และจำนวนเงินที่ตั้งงบผูกพันไว้แต่ละปีมีจำนวนเท่าใด รวมเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาดแล้วหรือไม่
พล.ร.อ.จุมพล ตอบประเด็นคำถาม ระบุว่า กองทัพเรือขอยืนยันว่า งบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการจัดหาเรือดำน้ำในครั้งนี้ ได้รับการจัดสรรและบรรจุไว้ใน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 และได้ชี้แจงแสดงเอกสารรายละเอียดด้านงบประมาณให้กับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน อย่างครบถ้วนทุกประการแล้ว