นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยในระหว่างลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกับกำจัดผักตบชวา ณ เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาทว่า กรมชลฯได้เตรียมความพร้อมทั้งบุคลกรและเครื่องจักรในการกำจัดผักตบชวา ที่จะมีมากในช่วงฤดูฝนเพื่อไม่ให้ขีดขวางการระบายน้ำ ในแม่น้ำสายหลัก ได้แก่ แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำน้อย แม่น้ำเจ้าพระยา และในคลองชลประทานต่างๆ ให้ได้จำนวน 332,000 ตัน โดยตั้งเป้าภายในวันที่ 30 กันยายน 2560 นี้ จะต้องกำจัดผักตบชวาในพื้นชลประทานทั่วประเทศให้แล้วเสร็จ ซึ่งขณะนี้ได้กำจัดอย่างต่อเนื่องไปแล้ว 264,000 ตัน หรือคิดเป็น 79.52% และในฤดูฝนปีนี้คาดว่า จะมีผักตบชวาในแม่น้ำสายหลักที่ไหลมาติดหน้าอาคารชลประทานอีกประมาณ 50,000 ตัน ซึ่งกรมชลฯได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวางแผนกำจัดแล้ว
นายทองเปลว กล่าวว่า สำหรับแม่น้ำเจ้าพระยา จะต้องใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ในการกำจัด เพราะมีปริมาณค่อนข้างมากและน้ำลึก ซึ่งจำเป็นจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และปฏิบัติงานทุกๆ วัน มิฉะนั้นอาจจะไม่ทันต่อการแพร่ขยายพันธุ์ของผักตบชวาได้ เนื่องจากเป็นวัชพืชที่เติบโตได้เร็วมาก ทั้งนี้ล่าสุดจากการสำรวจผักตบชวาในแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ขึ้นไปจนถึงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์ ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร พบว่ายังมีผักตบชวาประมาณ 40,000 ตัน ซึ่งขณะนี้กรมชลฯได้บูรณาการร่วมกับทางกรมเจ้าท่า จ.ชัยนาท หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานทหารในพื้นที่วางแผนในการกำจัดผักตบชวาจำนวนดังกล่าวให้ไม่กีดขวางการระบายน้ำ คาดว่า จะแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ และจะผักตกชวาจะไม่กีดขวางการระบายน้ำในฤดูน้ำหลากอย่างแน่นอน
“ผักตบชวาสามารถแพร่พันธุ์ได้ง่ายและเติบโตรวดเร็วมาก จึงต้องอาศัยวิธีการกำจัดอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับการกำจัดขยะ ดังนั้นหากประชาชนที่มีทางน้ำผ่านหน้าบ้านแล้วช่วยเก็บหรือกำจัดวัชพืชน้ำเหล่านี้ หรือช่วยกันสอดส่องดูแลถ้าหากมีจำนวนมากก็แจ้งไปยังหน่วยงานของกรมชลประทานในพื้นที่ให้มาดำเนินการกำจัด จะเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำ ระบายน้ำ ฟื้นฟูทัศนียภาพของแม่น้ำ ลำคลองได้โดยตรง รวมทั้งยังเป็นการช่วยรัฐประหยัดงบประมาณ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาและจำกัดผักตบชวาหมดไปอย่างถาวรแน่นอน” นายทองเปลวกล่าว
