วันนี้ (18 พ.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ กฎหมายความปลอดภัยไซเบอร์ โดยระบุว่า เห็นแนวคิดเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ที่กมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน สปท.เสนอกันแล้ว ก็รู้สึกน่าเป็นห่วง อาจจะเรียกว่าอนาถใจจะตรงกว่า
นายจาตุรนต์ ระบุว่า มีการเสนอเปลี่ยนโครงสร้างการทำงานให้นายกฯเป็นประธานคณะกรรมการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ รมว.กลาโหม รมว.ดิจิทัลเป็นรองประธาน ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงดิจิทัล เลขาฯสภาความมั่นคงเป็นกรรมการ เป็นต้น ที่เป็นปัญหาก็คือ อะไรก็นายกรัฐมนตรีเป็นประธานไปหมด นายกฯที่ไหนจะทำงานไหว ทุกวันนี้ก็เป็นประธานอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมดอยู่แล้ว ยังจะมีหน่วยงานระดับกรมขึ้นตรงต่อนายกฯอีกด้วย สมัยก่อนเวลาปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม ต้องหาทางลดหน่วยงานในสำนักนายกฯลง เพราะมากและกระจุกตัวเกินไป นายกฯทำงานไม่ไหว ต้องพยายามกระจายงานออกไป ตอนนี้กำลังสวนทางกลับมาใหม่แล้ว
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า แต่ปัญหาที่ดูจะใหญ่มาก ก็คือ การเน้นแต่มิติเรื่องความมั่นคงโดยเฉพาะความมั่นคงทางการเมืองมากเกินไป เอาเข้าจริงๆ ไม่รู้ว่าจะมีขีดความสามารถในการป้องกันภัยไซเบอร์กันสักแค่ไหน กลัวว่าจะเน้นแต่จัดการกับคนที่เห็นต่างอีกเหมือนเดิม ทำไปทำมา บ้านเราจะมีกฎหมายที่มีไว้จัดการกับการสื่อสารและแสดงความคิดเห็นมากมายเต็มไปหมด กฎหมายอาญาก็มีอยู่แล้วและก็ใช้กันง่ายๆตามอำเภอใจอยู่เป็นประจำ กฎหมายคอมพิวเตอร์ก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือจัดการกับคนที่มีความความเห็นต่างจากผู้มีอำนาจอยู่แทบไม่เว้นวัน ไม่ได้มีไว้เสริมความมั่นคงและประสิทธิภาพของระบบหรือการใช้คอมพิวเตอร์ ยังจะมีกฎหมายควบคุมสื่ออีกที่เป็นประเด็นค้างอยู่ มามีกฎหมายความปลอดภัยไซเบอร์ขึ้นมาอีก ทั้งหมดนี้มุ่งไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นเอกภาพ คือ การจัดการกับการสื่อสารและแสดงความเห็นที่แตกต่างจากรัฐเป็นสำคัญ ไม่ได้เน้นความมีประสิทธิภาพ ความทันสมัยอะไรกับใครเขา ขณะที่เราคุยโม้เสียสวยหรูว่าเราจะเป็นอุตสาหกรรม 4.0 เรามีกระทรวงดิจิทัล เราจะทำ internet of things เราจะทำอะไรอีกสารพัดให้ทันโลกเขา แต่สิ่งที่ทำกันอยู่กลับล้าหลังและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาอย่างยิ่ง
