เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.เปิดเผยความคืบหน้ากรณีกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ใน เมืองพัทยา จ.ชลบุรี 5-6 คน ขับรถแท็กซี่มาปิดล้อมรถเก๋งอูเบอร์ ที่ต่อมาเมื่อเวลา 23.00น.วันที่ 17 พฤษภาคม นายสุรศักดิ์ คูคำ อายุ 29 ปี พร้อมกลุ่มเพื่อนๆ นำคลิปที่มีกลุ่มคนขับแท็กซี่ในเมืองพัทยาปิดล้อมรถ เข้าร้องเรียนผู้สื่อข่าวประจำเมืองพัทยา ว่า นายสุรศักดิ์ ให้การยอมรับว่าเป็นเจ้าของรถอูเบอร์จริง โดยให้การว่าระหว่างที่เกิดเหตุไปรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่บิ๊กซีพัทยาเหนือ ระหว่างที่ลูกค้ากำลังจะขึ้นรถก็มีกลุ่มรถแท็กซี่เดินรถบริษัทแห่งหนึ่งที่อยู่ในเมืองพัทยา 2-3 คันมี ชายไทย 5-6 คน นำรถแท็กซี่มาปิดหน้า ปิดท้ายรถเก๋ง ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลัว ก่อนที่ทางกลุ่มแท็กซี่จะโทรศัพท์แจ้งตำรวจ สภ. เมืองพัทยา มาเชิญตัวนายสุรศักดิ์ ไปที่สภ.พัทยา นายสุรศักดิ์เสียค่าปรับ เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่อยู่ในรถกลัว อีกทั้งทำให้การจราจรติดยาวเหยียด
รองโฆษกตร.กล่าวว่า ความคืบหน้าในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ได้เชิญตัว กลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่ ที่ก่อเหตุดังกล่าว มาสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 ฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือ จำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้ กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ , มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการ ใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ม.55 การหยุดรถและจอดรถ (8)ในลักษณะกีดขวางการจราจร ปรับไม่เกิน 500 บาท ณ สภ.เมืองพัทยา ส่วนคนขับรถอูเบอร์ก็ถูกดำเนินการเปรียบเทียบปรับไปแล้ว
