นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) เปิดเผยว่า การลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอซีที ให้หมดไป ต้องเปลี่ยนแปลงธุรกิจในกระดับตั้งแต่ขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)จนถึงองค์กรใหญ่ และรัฐบาลสนับสนุน ดังนั้น การเข้ามาของดิจิทัลจะเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับทุกคนในสังคม ทุกวันนี้มีจุดเชื่อมคนเข้าสู่เทคโนโลยีดิจิทัล จึงควรคิดว่าทำอย่างไรให้ทุกคนได้รับประโยชน์จากดิจิทัลอย่างเท่าเทียม เข้าถึงง่าย ภายใต้ต้นทุนเป็นธรรม และเข้ามายกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุในประเทศ ควบคู่กับการหล่อหลอมเยาวชนรุ่นใหม่ให้รู้จักปรับใช้เทคโนโลยีและนำมาส่งเสริมคุณภาพด้านการศึกษา
ที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ในเรื่องกระจายเทคโนโลยีไปสู่คนทุกระดับ ทั้งในตัวเมือง พื้นที่ห่างไกลชนบท หรือบริเวณชายขอบ รัฐบาลจึงเร่งรัดดำเนินโครงการ “เน็ตประชารัฐ” หรือ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทุกหมู่บ้านในประเทศที่มีอยู่ 74,965 หมู่บ้าน ภายในปี2561 รวมถึงเสริมสร้างรายได้ให้กับประชาชนผ่านโครงข่ายเน็ตประชารัฐ โดยให้มีการมอบหมายให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือ ปณท เป็นพัฒนาและดูแลระบบซื้อขายสินค้าภายในหมู่บ้าน โดยไปรษณีย์ไทยเป็นตัวกลางเชื่อมโยงผู้ซื้อผู้ขาย อาจให้บริการผ่านร้านโชว์ห่วยในหมู่บ้านเป็นตัวกลาง ถือเป็นการสร้างโอกาสและสร้างอี-คอมเมิร์ซในฐานรากอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ กระทรวงดีอีได้มอบหมายให้สำนักส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) พัฒนาตั้งแต่ฐานรากเพื่อเข้าถึงวิสาหกิจชุมชน บริการสุขภาพของประชาชน ตลอดจนการพัฒนากำลังคนพันธุ์ดิจิทัลทุกระดับ ตลอดจนมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีผลักดันให้เกิด ดิจิทัลพาร์ค ดิจิทัลสมาร์ซิตี้ และดิจิทัลคอมมูนิตี้ ครบทุกจังหวัดในอนาคต และในอนาคตการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลทางหน่วยงานจะมุ่งเน้นการสร้าง ดิจิทัลสตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอีพันธุ์ใหม่ ตอบสนองอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต
โดยคาดว่าปีนี้จะมีสตาร์ตอัพรายใหม่เข้าสู่ตลาดอีก 3,000-5,000 ราย จากปัจจุบันประมาณ 5,000 ราย ซึ่งแนวคิดว่าจะมีการกำกับทิศทางของสตาร์ตอัพให้ตรงตามความถนัดและความเชี่ยวชาญในแต่ละกลุ่มธุรกิจ เช่น ภาคการเกษตร การท่องเที่ยว และศิลปวัฒนธรรม
