พบ จนท.กรมควบคุมมลพิษ เครียด-อ้วน-หนี้ท่วม เพียบ อธิบดีพาจับมือ สสส.ปรับวิถีชีวิตใหม่ สู่องค์กรสร้างสุข

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่กรมควบคุมมลพิษ(คพ.)กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) มีการจัดงาน “กรมควบคุมมลพิษเดินหน้าสู่องค์กรสร้างสุข Thailand 4.0” โดย คพ.ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในโครงการสร้างเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตการทำงานของคพ.

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีคพ. กล่าวว่า จากการสำรวจคุณภาพชีวิตการทำงานบุคลากรคพ. ในปี 2559 จำนวน105 คน พบว่า มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดย 1 ใน 3 เป็นผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงบ่อยครั้งหรือเป็นประจำถึง 65% และไม่เคยออกกำลังกายหรือออกกำลังกายเป็นบางครั้งถึง 71% และมากกว่า 1 ใน 4 มีความเครียดจาการทำงานบ่อยครั้งหรือเป็นประจำ โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นผู้ที่ต้องทำงานเฉลี่ยเกินสัปดาห์ละ 40 ชม. หรือต้องทำงานเกินเวลาปกติบ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังพบปัญหาทางการเงินส่วนใหญ่มีภาระหนี้สินถึง 71% ทำให้เงินเดือนและค่าตอบแทนไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย และมีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่มีการออมอย่างเป็นระบบ

“การสร้างความสุขของคนทำงานด้วยการส่งเสริมให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงาน คพ.จึงร่วมกับ สสส. และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาสู่องค์กรแห่งความสุข โดยตั้งเป้าหมายการลดความเสี่ยงต่อโรคอ้วนลงพุงด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ซึ่งจะมีการปรับให้เป็นโรงอาหารกรีนเพื่อส่งเสริมการบริโภคผักและความปลอดภัยจากสารพิษ และเปลี่ยนอาหารว่างในการประชุมเป็นเมนูสุขภาพ การชวนขยับกับบันไดสุขภาพและกิจกรรมออกกำลังกาย รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ต่อไป”อธิบดีคพ. กล่าว

นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สสส. กล่าวว่า การเข้าสู่การพัฒนาเศรษฐกิจยุค 4.0 นั้น ทรัพยากรมนุษย์ เป็นสิ่งสำคัญในการแข่งขันเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆให้เกิดขึ้น หากคนในหน่วยงาน มีความสุขในการทำงานก็จะส่งผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดรายจ่ายทางสุขภาพ ผลการวิจัยคุณภาพชีวิตคนทำงานภาครัฐ โดยสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 3,342 ตัวอย่าง เปรียบเทียบปี 2559 กับ 2553 พบว่า เจ้าหน้าที่รัฐมีระดับความสุขโดยรวมเพิ่มขึ้น โดยในปี 2559 มีค่าเฉลี่ยความสุข 3.8 เทียบกับ 3.3 ในปี 2553 ซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง เจ้าหน้าที่รัฐมีภาวะน้ำหนักเกิน 53% ในปี 2559 เทียบกับ 50% ในปี 2553 สำหรับความเครียดจากการทำงานพบว่า ปี 2559 กับ 2553 มีความเครียดระดับมากถึงมากที่สุด 22 % เท่ากัน และเจ้าหน้าที่รัฐต้องทำงานเกินเวลาราชการปกติ 97% ในปี 2559 เทียบกับ 83% ในปี 2553

Advertisement

นพ.ชาญวิทย์ กล่าวว่า ความผูกพันขององค์กรในปี 2559 พบว่า เจ้าหน้าที่รัฐ 45% ตัดสินใจไม่ย้ายงานหากมีองค์กรและตำแหน่งที่ดีเท่ากันมาเสนอ ขณะที่ 38% ไม่แน่ใจ และ 18% ย้ายไปอยู่ที่ใหม่ อย่างไรก็ตามในมุมของการทำงานพบว่า เจ้าหน้าที่รัฐส่วนใหญ่พึงพอใจกับการปฏิบัติงานในตำแหน่งที่เหมาะกับความรู้ความสามารถในระดับที่มาก มีความชัดเจนของเส้นทางความก้าวหน้าในงานที่มากขึ้น แต่สิ่งที่น่าจับตาเป็นพิเศษคือ การมีภาระหนี้สินที่สูงถึง 91% เทียบกับ 79% ในปี 2553 โดยมีข้อสังเกตว่า ภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นเป็นหนี้สินที่มาจากการผ่อนชำระสินค้าหรือบริการที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว และส่วนใหญ่มีภาระหนี้สินมากกว่า 1 ล้านบาท ถึง 41% ดังนั้นบันไดสู่องค์กรแห่งความสุขของคนทำงานจึงประกอบด้วย การมีสุขภาพที่ดี สิ่งแวดล้อมในการทำงานที่ผ่อนคลาย บริหารการเงินเป็น ครอบครัวมีความสุข เป็นต้น สสส. จึงร่วมสนับสนุนองค์ความรู้และระบบการจัดการสู่การเป็นองค์กรแห่งความสุข โดยมีโปรแกรมวัดสุขภาพชีวิตและความสุขของคนทำงาน ซึ่งในปัจจุบันมีเครือข่ายการพัฒนาคุณภาพชีวิตองค์กรภาครัฐ จำนวน 66 องค์กร สิ่งสำคัญในการทำงานคือการสร้างแกนนำนักสร้างสุของค์กร เพื่อเป็นแกนนำในการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพในองค์กรที่เกิดความยั่งยืนและตอบโจทย์ในแต่ละบริบทขององค์กร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image